คนไทยไปทำงานต่างประเทศ

12 มิ.ย. 2556 | อ่านแล้ว 7375 ครั้ง


 

ปัจจัยที่ทำให้คนไทยไปทำงานต่างประเทศน้อยลงส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการทารุณกรรมลูกจ้าง การล่อลวง งานหนักเสี่ยงต่อสุขภาพและชีวิต รายได้ที่ไม่แน่นอน ค่าใช้จ่ายสูง เป็นต้น แต่คำถามว่าประเทศไทยเปิดโอกาสให้คนไทยได้ตั้งตัวลืมตาอ้าปากหรือไม่นั้น ก็คงต้องถามตอบกันหนัก ๆ ซึ่งหวังว่าข้อมูลในสัปดาห์นี้จะช่วยให้หลายคนที่ต้องการไปหรือทำงานยังต่างประเทศได้ทราบสิทธิ และโอกาสอื่นใด เพื่อการตัดสินใจและใช้ชีวิตการทำงานอย่างมีความสุข

 

ช่องทางการเดินทางไปทำงานยังต่างประเทศนั้นมี 4 กรณี 1.ผ่านบริษัทจัดหางาน 2.กรมการจัดหางานเป็นผู้จัดส่ง 3.นายจ้างเป็นผู้จัดส่ง 4.เดินทางด้วยตนเอง ในกรณีที่ต้องการหางานโดยผ่านบริษัทจัดหางาน กรมการจัดหางานเปิดรายชื่อบริษัทจัดหางานในต่างประเทศถูกกฎหมาย ข้อมูล ณ 30 เมษายน 2556 จำนวน 191 บริษัท สามารถตรวจเช็คได้ผ่านทางเว็บไซต์ 

http://www.overseas.doe.go.th/_office/latest_company_20130430.pdf

 

ซึ่งโครงการจัดส่งโดยรัฐได้แก่

 

-โครงการจ้างตรง : ไต้หวัน

-โครงการ IM : ญี่ปุ่น

-โครงการ EPS : เกาหลี

-โครงการ TIC : อิสราเอล

 

จำนวนคนงานไทยที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศ

 

จำแนกตามประเภทการเดินทางและประเภท พ.ศ.2550-2553

 

 ที่มา กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ในประมวลสถิติสำคัญของไทย พ.ศ.2555 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

 

 

จำนวนคนหางานไทยที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปทำงานต่างประเทศ

จำแนกตามภูมิลำเนา (เฉพาะ 5 วิธีเดินทาง)

 

ประจำปี พ.ศ.2554

 

ภาคกลาง : รวม 6,670 คน              กทม.มากที่สุด 2,140 คน                 สมุทรสงครามน้อยที่สุด 29 คน

ภาคตะวันออก : รวม 3,089 คน      ชลบุรีมากที่สุด 1,176 คน                 ตราดน้อยที่สุด 60 คน

ภาคตะวันตก : รวม 738 คน             สุพรรณบุรีมากที่สุด 289 คน            เพชรบุรี,ประจวบคีรีขันธ์น้อยที่สุด 66 คน

ภาคเหนือ : รวม 20,158 คน            ลำปางมากที่สุด 3,526 คน               แม่ฮ่องสอนน้อยที่สุด 54 คน

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : รวม 58,269 คน      อุดรธานีมากที่สุด 11,548 คน  บึงกาฬน้อยที่สุด 315 คน

ภาคใต้ : รวม 1,313 คน                     สงขลามากที่สุด 563 คน                   สตูลน้อยที่สุด 16 คน

 

ประจำปี พ.ศ.2555

 

ภาคกลาง : รวม 6,704 คน                กทม.มากที่สุด 2,215 คน               สมุทรสงครามน้อยที่สุด 37 คน

ภาคตะวันออก : รวม 2,964 คน      ชลบุรีมากที่สุด 1,158 คน                 ตราดน้อยที่สุด 63 คน

ภาคตะวันตก : รวม 767 คน             สุพรรณบุรีมากที่สุด 265 คน            เพชรบุรีน้อยที่สุด 66 คน

ภาคเหนือ : รวม 17,308 คน            ลำปางมากที่สุด 3,049 คน              แม่ฮ่องสอนน้อยที่สุด 63 คน

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : รวม 50,611 คน   อุดรธานีมากที่สุด 10,222 คน บึงกาฬน้อยที่สุด 220 คน

ภาคใต้ : รวม 1,274 คน                     สงขลามากที่สุด 451 คน                 สตูลน้อยที่สุด 13

 

จะเห็นได้ว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคอิสาน ยังคงครองแชมป์ส่งออกแรงงานมากที่สุด 

 

 

ค่าใช้จ่ายเมื่อต้องการไปทำงานต่างประเทศ

 

ข้อมูลจากสำนักงานบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ Thailand Overseas Employment Administration (TOEA)  ให้ข้อมูลค่าใช้จ่ายในการไปทำงานต่างประเทศ ได้แก่

-          ค่าทำหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ต 1,000 บาท หากประสงค์จะรับหนังสือเดินทางทางไปรษณีย์จะเสียค่าจัดส่งเพิ่มอีก เป็นเงิน 35 บาท (รวมเป็น 1,035 บาท) ติดต่อทำที่กองหนังสือเดินทาง กระทรวงการต่างประเทศ

-          ค่าตรวจสุขภาพเพื่อไปทำงานต่างประเทศไม่เกิน 1,500 บาท แต่ต้องไปตรวจในโรงพยาบาลที่กรมการจัดงานประกาศรายชื่อไว้

-          ค่าทดสอบฝีมือครั้งละไม่เกิน 500 บาท หากค่าทดสอบฝีมือมีค่าใช้จ่ายสูงเกิน 500 บาท ให้ผู้ได้รับอนุญาตดำเนินการทดสอบฝีมือเรียกเก็บได้ตามอัตราที่อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานกำหนด ทั้งนี้ต้องไม่เกินครั้งละ 1,000 บาท

-          ค่าบริการและค่าใช้จ่าย (ค่าหัว) ไปทำงานไต้หวันเสียค่าบริการและค่าใช้จ่ายไม่เกิน 56,000 บาท

-          ไปทำงานประเทศอื่นๆ เสียค่าบริการเท่ากับค่าจ้างที่ท่านได้รับไม่เกิน 1 เดือน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการจัดส่งไม่เกิน 15,000 บาท เช่น ถ้าท่านไปทำงาน สิงคโปร์ เงินเดือน 8,000 บาท บริษัทจัดหางานจะเก็บได้ไม่เกิน 8,000 + 15,000 = 23,000 บาท

 

ในกรณีที่กรมการจัดหางานจัดส่งนั้น ไม่ต้องเสียค่าบริการ(ค่าหัว) นอกจากค่าใช้จ่ายที่จำเป็น เช่น ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าวีซ่า ค่าภาษี ค่าสมาชิกกองทุน ค่าที่พักเตรียมตัวก่อนเดินทาง

 

กู้เงินไปทำงานต่างประเทศ

 

กรมการจัดหางานได้ดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อไปทำงานต่างประเทศร่วมกับธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ทั้ง 3 ธนาคาร ให้กู้รายละไม่เกิน 150,000 บาท  โดยผ่านทางบริษัทจัดหางานที่ถูกต้องตามกฎหมายกับกรมการจัดหางาน มีระยะเวลาการผ่อนชำระไม่เกิน 18 เดือน แต่ต้องไม่เกินอายุสัญญาจ้าง

-ธนาคารกรุงไทย อัตราดอกเบี้ยประเภทลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) โดยภายในวงเงินกู้จำนวน 90,000 บาท จ่าย MRR-3.0% เนื่องจากกรมการจัดหางานจะแบ่งภาระดอกเบี้ยให้ร้อยละ 3 ต่อปี ส่วนวงเงินที่เกิน 90,000 บาทแต่ไม่เกิน 150,000 คิดในอัตรา MRR ต่อปี

-ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร อัตราดอกเบี้ยปกติตามชั้นของลูกค้า คือ ตั้งแต่ MRR ถึง MRR+2.25

-ธนาคารออมสิน ผู้กู้มีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ และเมื่อรวมอายุผู้กู้กับระยะเวลาที่ชำระเงินต้องไม่เกิน 60 ปี

 

รายได้ที่ได้รับ

 

ประมาณการรายได้ส่งกลับประเทศของคนไทยที่ทำงานต่างแดนผ่านระบบธนาคารแห่งประเทศไทย

ณ วันที่ 30 เมษายน 2556 เวลา 14.30 น.

หน่วยนับ : ล้านบาท

 
อัตราค่าข้างขั้นต่ำในแต่ละประเทศ ตามประกาศของกรมการจัดหางาน

 

กองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ

 

ผู้ที่จะสมัครเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ ต้องมีคุณสมบัติเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปทำงานต่างประเทศ โดยวิธีการเดินทาง ดังต่อไปนี้

      1. เป็นผู้ที่เดินทางไปทำงานโดยการจัดส่งของบริษัทจัดหางานเอกชนที่ได้รับอนุญาตให้จัดส่งคนหางานไปทำงานต่างประเทศ

      2. เป็นผู้ที่เดินทางไปทำงานโดยการจัดส่งของกรมการจัดหางาน

      3. เป็นผู้ที่เดินทางไปทำงานด้วยตนเอง ซึ่งได้ทำสัญญาจ้างงานกับนายจ้างในต่างประเทศโดยตรง

      4. เป็นผู้ที่เคยไปทำงานต่างประเทศข้อใดข้อหนึ่งข้างต้น เมื่อสัญญาจ้างสิ้นสุดแล้วได้ทำสัญญาจ้างใหม่กับนายจ้างรายเดิมหรือรายใหม่ และการคุ้มครองจากกองทุนสิ้นสุดแล้ว ต้องการเป็นสมาชิกกองทุนต่อไปอีก

 

คนหางานที่สมัครเป็นสมาชิกกองทุน จะต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนในวันสมัครเป็นสมาชิกในอัตราคนละ 300 - 500 บาท ซึ่งแตกต่างกันตามประเทศที่คนหางานจะเดินทางไปทำงาน ดังนี้

   กลุ่มที่ 1 ทวีปยุโรป ทวีปอเมริกาเหนือ ทวีปออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ไต้หวัน สาธารณรัฐเกาหลี อัตราคนละ 500 บาท

   กลุ่มที่ 2 บรูไน การ์ตา คูเวต บาห์เรน โอมาน อิสราเอล ซาอุดิอารเบีย โมร็อคโค จอร์แดน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จิบูตี ตูนีเซีย ซูดาน โซมาลี แอลจีเรีย เลบานอน ลิเบีย สิงคโปร์ ซีเรีย เยเมน อียิปต์ อิรัก มอริเตเนีย อิหร่าน ฮ่องกง อัตราคนละ 400 บาท

   กลุ่มที่ 3 ประเทศอื่นๆ นอกจากประเทศในกลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 อัตราคนละ 300 บาท

 

สิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ

เอกสารที่ใช้ประกอบคำร้อง

     1.สงเคราะห์ค่าใช้จ่ายการเดินทางกลับภูมิลำเนาเป็นค่าพาหนะ ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเป็น กรณีถูกทอดทิ้งในต่างประเทศ ตามที่จ่ายจริง ภายในวงเงิน 30,000 บาท

    - สำเนาบัตรประจำตัวสมาชิกกองทุนฯ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
    - สำเนาหนังสือเดินทางและวีซ่า 
    - สำเนาเอกสารเกี่ยวกับการจ้างแรงงาน เช่น สัญญาว่าจ้างหนังสือบอกเลิกจ้างหรือเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
    - หนังสือจากสำนักงานแรงงานไทยในต่างประเทศหรือ สถานทูตไทย/สถานกงสุลไทยที่ดูแลประเทศนั้น ที่ตรวจสอบว่าสมาชิกของกองทุนฯ  ถูกทอดทิ้งในต่างประเทศ โดยไม่มีผู้รับผิดชอบ
    - ใบเสร็จรับเงินหรือหลักฐานค่าใช้จ่ายที่จะขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนฯ

    2. สงเคราะห์เป็นค่าพาหนะ ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ กรณีประสบปัญหาในต่างประเทศ เช่น รอเข้าทำงานใหม่ รอส่งกลับประเทศไทย รอการดำเนินคดีหรือกรณีอื่น ในลักษณะเดียวกัน โดยจ่ายตามที่จ่ายจริงในวงเงิน 30,000 บาท

    - สำเนาบัตรประจำตัวสมาชิกกองทุนฯ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
    - สำเนาหนังสือเดินทางและวีซ่า 
    - สำเนาเอกสารเกี่ยวกับการจ้างแรงงาน เช่น สัญญาว่าจ้างหนังสือบอกเลิกจ้างหรือเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 
    - หนังสือจากสำนักงานแรงงานไทยในต่างประเทศหรือสถานทูตไทย/สถานกงสุลไทยที่ดูแลประเทศนั้น ที่ตรวจสอบว่าสมาชิกกองทุนฯ ประสบปัญหาในต่างประเทศ 
    - ใบเสร็จรับเงินหรือหลักฐานค่าใช้จ่ายที่จะขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนฯ

    3. สงเคราะห์ค่ารักษาพยาบาล กรณีประสบอุบัติเหตุ หรือประสบอันตรายก่อนเดินทางไปทำงานต่างประเทศตามที่จ่ายจริงภายในวงเงิน 30,000 บาท

    - สำเนาบัตรประจำตัวสมาชิกกองทุนฯ ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง 
    - สำเนาหนังสือเดินทางและวีซ่า 
    - สำเนาเอกสารเกี่ยวกับการจ้างแรงงาน เช่น สัญญาว่าจ้างหนังสือบอกเลิกจ้างหรือเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
    - ใบแจ้งความหรือบันทึกประจำวันจากสถานีตำรวจ 
    - ใบเสร็จรับเงินหรือหลักฐานค่าใช้จ่ายที่จะขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนฯ

    4.สงเคราะห์กรณีประสบอันตรายจนพิการหรือทุพพลภาพ ทั้งในและนอกประเทศ
    - กรณีพิการ จ่าย 15,000 บาท
    - กรณีทุพพลภาพ จ่าย 30,000 บาท
** ทั้งนี้ต้องได้รับคำรับรองจากแพทย์ในประเทศไทย หลังจากการรักษาสิ้นสุด

ประสบอันตรายในประเทศ
    - สำเนาบัตรประจำตัวสมาชิกกองทุนฯ ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง 
    - สำเนาหนังสือเดินทางและวีซ่า 
    - สำเนาเอกสารเกี่ยวกับการจ้างแรงงาน เช่น สัญญาว่าจ้างหนังสือบอกเลิกจ้างหรือเอกสาร อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
    - ใบแจ้งความหรือบันทึกประจำวันจากสถานีตำรวจ 
    - ใบรับรองแพทย์จากสถานพยาบาล

ประสบอันตรายในต่างประเทศ
    - สำเนาบัตรประจำตัวสมาชิกกองทุนฯ ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง 
    - สำเนาหนังสือเดินทางและวีซ่า 
    - สำเนาเอกสารเกี่ยวกับการจ้างแรงงาน เช่น สัญญาว่าจ้างหนังสือบอกเลิกจ้างหรือเอกสาร อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 
    - หนังสือจากสำนักงานแรงงานไทยในต่างประเทศ หรือสถานทูตไทย /สถานกงสุลไทยที่ดูแลประเทศนั้นที่ตรวจสอบว่าสมาชิกกองทุนฯ ประสบอันตรายในต่างประเทศ
    - ใบรับรองแพทย์จากสถานพยาบาลในต่างประเทศ

    5.สงเคราะห์กรณีถูกส่งกลับเนื่องจากแพทย์ตรวจพบเป็นโรคต้องห้าม ดังนี้
    - จ่าย 25,000 บาท สำหรับผู้ที่ถูกส่งกลับภายใน 6 เดือนแรก 
   - จ่าย 15,000 บาท สำหรับผู้ที่ส่งกลับหลัง 6 เดือนแรก แต่ยังไม่ครบสัญญาจ้าง

    - สำเนาบัตรประจำตัวสมาชิกกองทุนฯ ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง 
    - สำเนาหนังสือเดินทางและวีซ่า 
    - สำเนาเอกสารเกี่ยวกับการจ้างแรงงาน เช่น สัญญาว่าจ้างหนังสือบอกเลิกจ้างหรือเอกสาร อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 
    - ใบตรวจโรคของสถานพยาบาลในต่างประเทศ 
    - หนังสือจากสำนักงานแรงงานไทยในต่างประเทศหรือสถานทูตไทย / สถานกงสุลไทยที่ดูแลประเทศนั้น ที่ตรวจสอบว่าสมาชิกกองทุนฯ ถูกส่งกลับเนื่องจากเป็นโรคต้องห้าม

    6. สงเคราะห์ค่าจ้างทนายความต่อสู้คดีอาญาในต่างประเทศในความผิด สิ่งมิใช่เกิดจากการกระทำโดยเจตนา ตามที่จ่ายจริงในวงเงิน 100,000 บาท

    - สำเนาบัตรประจำตัวสมาชิกกองทุนฯ ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง 
    - สำเนาหนังสือเดินทางและวีซ่า 
    - สำเนาเอกสารเกี่ยวกับการจ้างแรงงาน เช่น สัญญาว่าจ้างหนังสือบอกเลิกจ้าง หรือเอกสาร อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
    - สำเนาคำฟ้องของศาลยุติธรรมในต่างประเทศ 
    - สัญญาว่าจ้างทนายความ
    - หนังสือจากสำนักงานแรงงานไทยในต่างประเทศ หรือสถานทูตไทย / สถานกงสุลไทยที่ดูแลประเทศนั้นที่ตรวจสอบว่าสมาชิกกองทุนฯ ถูกฟ้องในคดีอาญา

    7. สงเคราะห์กรณีถึงแก่ความตายในต่างประเทศ ดังนี้
   - สงเคราะห์ค่าจัดการศพในต่างประเทศหรือนำศพกลับประเทศ (กรณีไม่มีผู้รับผิดชอบ) ตามที่จ่ายจริงภายในวงเงิน 40,000 บาท
   - สงเคราะห์บรรเทาความเดือดร้อนของทายาทผู้ตาย 3 กรณี ดังนี้
     1. เสียชีวิตในต่างประเทศ จ่ายศพละ 40,000 บาท
     2. เสียชีวิตขณะกลับมาพักผ่อนในประเทศไทย จ่ายศพละ 30,000 บาท
     3. ประสบอันตรายก่อนไปทำงานแล้วเสียชีวิต จ่ายศพละ 30,000 บาท

    - สำเนาบัตรประจำตัวสมาชิกกองทุนฯ ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง 
    - สำเนาหนังสือเดินทางและวีซ่า 
    - สำเนาเอกสารเกี่ยวกับการจ้างแรงงาน เช่น สัญญาว่าจ้างหนังสือบอกเลิกจ้างหรือเอกสาร อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 
    - ใบมรณบัตร 
    - ใบมอบอำนาจจากทายาท (กรณีที่ทายาทคนใดเสียชีวิตต้องแนบใบมรณบัตรด้วย) 
    - หลักฐานที่แสดงว่าเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตาย เช่น สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาทะเบียนสมรส สำเนาสูติบัตร 
    - ใบเสร็จรับเงินหรือหลักฐานค่าใช้จ่ายในการจัดการศพในต่างประเทศ หรือ นำศพ กลับ ภูมิลำเนา
    - หนังสือจากสำนักงานแรงงานไทยในต่างประเทศ หรือสถานทูตไทย /สถานกงสุลไทยที่ดูแลประเทศนั้นที่ตรวจสอบว่าสมาชิกกองทุนฯ เสียชีวิตแล้ว(แนบหลักฐานการเสียชีวิต)

    8. กรณีมีความจำเป็นและเร่งด่วนต้องสงเคราะห์แก่สมาชิกกองทุนฯ นอกเหนือ จากที่กำหนด ไว้นี้ อธิบดีมีอำนาจสั่งจ่ายเงินกองทุนฯ โดยความเห็นชอบของคณะกรรม การกองทุนฯ เพื่อสงเคราะห์ แก่สมาชิกผู้เดือดร้อนได้

    - สำเนาบัตรประจำตัวสมาชิกกองทุนฯ ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง 
    - สำเนาหนังสือเดินทางและวีซ่า 
    - สำเนาเอกสารเกี่ยวกับการจ้างแรงงาน เช่น สัญญาว่าจ้างหนังสือบอกเลิกจ้าง หรือเอกสาร อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 
    - ใบมรณบัตร 
    - ใบมอบอำนาจจากทายาท (กรณีที่ทายาทคนใดเสียชีวิตต้องแนบใบมรณบัตรด้วย) 
    - หลักฐานที่แสดงว่าเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตาย เช่น สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาทะเบียนสมรส สำเนาสูติบัตร 
    - หนังสือจากสำนักงานแรงงานไทยในต่างประเทศหรือสถานทูตไทย / สถานกงสุลไทยที่ ดูแลประเทศนั้นที่ตรวจสอบว่า สมาชิกกองทุนฯ เสียชีวิตแล้ว(แนบหลักฐานการเสียชีวิต)

 

หมายเหตุ 
    - เอกสารทุกฉบับหากไม่ใช่ต้นฉบับ ต้องรับรองสำเนา
    - เอกสารที่เป็นภาษาต่างประเทศ ต้องแนบฉบับที่แปลเป็นภาษาไทยด้วย
    - กรณีผู้รับอนุญาตจัดหางานขอรับเงินชดเชยจากกองทุนฯ ให้แนบสำเนาใบอนุญาตจัดหางาน และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้จัดการ ให้คนงาน ที่ไปทำงานในต่างประเทศด้วย

************************************

ที่มา

กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน

ธนาคารกรุงไทย

ธนาคารออมสิน

ธนาคารอาคารสงเคราะห์

 

ขอบคุณรูปภาพ

ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดปทุมธานี

ประชาไท

http://goldabroadtowork.blogspot.com

http://www.mcot.net

 

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ

  

Like this article:
Social share: