เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน นายวชิระ คูณทวีเทพ อาจารย์ประจำศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจสถานภาพหนี้ภาคครัวเรือน ระหว่างวันที่ 18-23 มิถุนายน 2556 จากกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศ 1,200 ตัวอย่าง ระบุว่าจำนวนหนี้เฉลี่ยของครัวเรือนในปี 2556 อยู่ที่ 188,774.54 บาทต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 12 เปอร์เซนต์ จากหนี้เฉลี่ยในปี 2555 ที่อยู่ในระดับ 168,517.16 บาทต่อครัวเรือน เป็นอัตราการเพิ่มขึ้นด้วยเลข 2 หลัก ถือว่าเป็นการขยายตัวในอัตราเร่งพอสมควร และสูงสุดตั้งแต่ทำการสำรวจในช่วง 5 ปีนับจากปี 2551
“ที่สำคัญพบว่า เป็นหนี้นอกระบบที่เพิ่มมากขึ้น โดยเป็นหนี้นอกระบบ 49.6 เปอร์เซนต์ และเป็นหนี้ในระบบ 50.4 เปอร์เซนต์ โดยมีการผ่อนชำระเดือนละ 11,671.93 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังพบว่าในช่วงปี 2555-2556 มีการก่อหนี้ใหม่เพิ่มขึ้นถึง 10 เปอร์เซนต์ จากสถิติในปีที่ผ่านมา ไม่พบว่ามีการก่อหนี้เพิ่มเมื่อเทียบกับปีก่อน และเมื่อจำแนกกลุ่มผู้ก่อหนี้ตามรายได้ จะพบว่ากลุ่มที่มีรายได้ต่ำกว่า 5,000 บาทต่อเดือน จะมีสัดส่วนการก่อหนี้นอกระบบถึง 50 เปอร์เซนต์ ขณะที่กลุ่มรายได้ 5,000-15,000 บาท จะมีทั้งหนี้ในระบบและนอกระบบใกล้เคียงกัน ส่วนกลุ่มที่มีรายได้เกิน 15,000 บาท พบว่าส่วนใหญ่จะเป็นหนี้ในระบบ” นายวชิระกล่าว
ขอบคุณภาพประกอบจาก กรุงเทพธุรกิจ
ส่วนสาเหตุที่ทำให้หนี้เพิ่มขึ้น อันดับแรก มาจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น มีถึง 23.3 เปอร์เซนต์ รองลงมาค่าเล่าเรียนของบุตรหลาน 22 เปอร์เซนต์ การซื้อสินทรัพย์ถาวร เช่น บ้าน รถ 13.5 เปอร์เซนต์ ซึ่งเมื่อเปรียบค่าครองชีพกับรายได้ในปัจจุบัน กลุ่มตัวอย่าง 72.1 เปอร์เซนต์ ระบุว่าค่าครองชีพสูงเกินไป โดยมีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลในการแก้ไขหนี้ครัวเรือน อันดับแรกให้ลดค่าครองชีพลงมา ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และดอกเบี้ยบัตรเครดิต และดูแลราคาก๊าซและน้ำมันไม่ให้สูงเกินไป
ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์ฯ กล่าวว่า ขณะนี้มีสัญญาณชี้ชัดว่าเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลง ซึ่งจากผลสำรวจพบว่ามีประชาชน 80-90 เปอร์เซนต์ ระบุว่า ซื้อสินค้าน้อยลงหรือซื้อเท่าเดิม แต่ต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากสินค้าแพงขึ้น ขณะเดียวกันการก่อหนี้ใหม่ปีนี้ที่เพิ่มขึ้นถึง 10 เปอร์เซนต์ และเป็นหนี้นอกระบบมากขึ้น ทำให้น่าเป็นห่วง ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังมีสัญญาณการชะลอตัวลงไปเรื่อย ๆ หากไม่มีมาตรการใด ๆ มากระตุ้น การบริโภคจะชะลอไปถึงไตรมาส 4 ยิ่งจะส่งผลให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจลดลงไปอีก ซึ่งศูนย์จะมีการแถลงปรับตัวเลขเศรษฐกิจอีกครั้งในวันที่ 8 กรกฎาคมนี้ จากที่คาดว่าจะขยายตัว 4-5% และหากรัฐบาลจะมีมาตรการใดๆ ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ ควรจะเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในไตรมาส 3 เพื่อพยุงไม่ให้เศรษฐกิจตกต่ำไปมาก
ขอบคุณภาพจาก กรุงเทพธุรกิจ, ไทยรัฐ
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ