สธ.ระบุโจ๋ไทยอ้วน1.4ล. ห่วงนักสูบ-นักดื่มหน้าใหม่

3 มิ.ย. 2556 | อ่านแล้ว 334 ครั้ง

กระทรวงสาธารณสุข เผยผลสำรวจพฤติกรรมเยาวชนไทยวัย 15-29 ปีน่าห่วง พึ่งยาลดความอ้วนร้อยละ 5 ใช้ยานอนหลับเป็นประจำเกือบร้อยละ 2 เริ่มสูบบุหรี่ ดื่มสุราทั้งชายและหญิงอายุเฉลี่ย 16 -17 ปี บาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจรร้อยละ 14 เร่งแก้ไขและป้องกันปัญหา โดยสร้างยุวอสม.ในโรงเรียน คัดเลือกเด็กมัธยมศึกษาชายหญิงเข้าอบรมเพิ่มพูนทักษะความรู้ 6 เรื่อง เช่น ยาเสพติด สุขภาพจิต การใช้ยาที่ถูกต้อง การปฐมพยาบาลช่วยชีวิตฉุกเฉิน เริ่มโรงเรียนในพื้นที่กทม.และปริมณฑล 174 แห่ง รวม 9,514 คน ยุวอสม.จะช่วยในการสื่อสารและจัดการเรียนรู้ด้านสุขภาพเพื่อประโยชน์ของเพื่อนนักเรียนในโรงเรียนและชุมชนด้วย

 

เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร(ไทย-ญี่ปุ่น) น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมช.สาธารณสุข พร้อมด้วยน.ต.น.พ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิดอบรมหลักสูตรยุวอาสาสมัครสาธารณสุขหรือยุวอสม. ประจำปี 2556 ซึ่งเป็นนักเรียนระดับมัธยมศึกษาจำนวน 9,514 คน รวมทั้งครูสอนสุขศึกษา อนามัย และพลศึกษาจากโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการจำนวน 174 แห่ง เพื่อพัฒนาให้เป็นต้นแบบสุขภาพ เป็นนักจัดการสุขภาพในโรงเรียน พร้อมทั้งเฝ้าระวังพฤติกรรมสุขภาพ จัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพให้กับเพื่อนนักเรียนเยาวชน ส่งเสริมให้โรงเรียนเป็นโรงเรียนสุขภาพดี

 

น.พ.ชลน่านกล่าวว่า ในปีนี้กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายส่งเสริมให้เด็กและเยาวชน ได้รับการดูแลและส่งเสริมสุขภาพทั้งร่างกาย จิตใจ ให้เยาวชนมีศักยภาพ มีสมรรถภาพในการเรียนการศึกษาอย่างเต็มที่ ซึ่งปัญหาสุขภาพของเยาวชนไทยในยุคปัจจุบันมีความเสี่ยงเจ็บป่วยในหลายเรื่อง และมีแนวโน้มรุนแรงกว่าในอดีต ผลสำรวจในกลุ่มเยาวชนอายุ 15-29 ปี ล่าสุดในปี 2552 พบว่าอยู่ในเกณฑ์น่าห่วงเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ 4 เรื่อง ได้แก่ 1.พฤติกรรมใช้ยาไม่ถูกต้อง พบว่า วัยรุ่นกินยาลดความอ้วนร้อยละ 5 กินยานอนหลับเป็นประจำเกือบร้อยละ 2 ทั้งที่มีและไม่มีอาการเครียดก็ตาม 2.พฤติกรรมการใช้สารเสพติด พบว่านักเรียนชายเริ่มสูบบุหรี่อายุ 16 ปี เริ่มดื่มเหล้าเมื่ออายุเฉลี่ย 16.2 ปี ส่วนนักเรียนหญิงเริ่มสูบบุหรี่อายุเฉลี่ย 16.7 ปี เริ่มดื่มเหล้าอายุเฉลี่ย 17.8 ปี ซึ่ง 2 เรื่องนี้จะนำไปสู่สิ่งเสพติดอื่นๆหรือพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศง่ายขึ้น

 

3.พฤติกรรมการกินอาหาร พบว่า วัยรุ่นไม่กินอาหารเช้า ซึ่งเป็นมื้อสำคัญที่สุดมากถึงร้อยละ 65 และกินอาหารไม่ครบ 3 มื้อมากที่สุดถึงร้อยละ 72 ซึ่งพฤติกรรมนี้เพิ่มความเสี่ยงให้วัยรุ่นอ้วน จากการกินจุบกินจิบอาหารอื่น ผลสำรวจในปี 2551 พบนักเรียนระดับมัธยมเป็นโรคอ้วนแล้ว 1.4 ล้านคน อีกร้อยละ 10 มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน เมื่อเด็กกลุ่มนี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ จะมีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือดสูงกว่าเด็กปกติ และ 4.การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจร พบว่าเกิดในวัยรุ่นมากถึง 1 ใน 10 จึงจำเป็นต้องเร่งแก้ไขป้องกัน ปลูกฝังความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพให้ถูกต้อง

 

น.พ.ชลน่านกล่าวต่อว่า ได้มอบนโยบายให้กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เร่งสร้างเยาวชนรุ่นใหม่ โดยพัฒนาให้เป็นยุวอสม.ในโรงเรียน ทำหน้าที่ดูแลสุขภาพขั้นต้นในโรงเรียนทั้งรัฐและเอกชนทั่วประเทศ คล้ายกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน และจะพัฒนาให้เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านตามความสนใจของเยาวชน เช่นการป้องกันยาเสพติด การเฝ้าระวังความปลอดภัยอาหาร หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตต่อไป มั่นใจว่าจะช่วยแก้ปัญหาในเยาวชนและป้องกันปัญหาสุขภาพในอนาคต เนื่องจากเยาวชนส่วนใหญ่หากมีปัญหามักจะปรึกษาเพื่อนมากกว่าผู้ปกครอง และโครงการยุวอสม.นี้ จะช่วยป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรังของไทย เช่นเบาหวาน ให้บรรลุผลสำเร็จง่ายขึ้น

 

ด้านน.ต.น.พ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า หลักสูตรในการอบรมยุวอสม.นี้ เป็นหลักสูตรระยะสั้น 1 วัน โดยอบรมให้มีทักษะและความฉลาดทางสุขภาพ รู้เท่าทัน 6 เรื่องได้แก่ 1.ผลิตภัณฑ์สุขภาพและการใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพอย่างปลอดภัย เช่น เครื่องสำอาง ยาลดความอ้วน 2.ยาเสพติด 3.อาหาร 4.สุขภาพจิต 5.การปฐมพยาบาลและการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน และ 6.การสื่อสารสุขภาพ เพื่อให้ยุวอสม. ถ่ายทอดความรู้เรื่องโรคภัยและวิธีการป้องกันต่าง ๆ ไปสู่ผู้อื่น หลังจากผ่านการอบรมแล้วจะได้รับประกาศนียบัตรรับรอง และยุวอสม.เหล่านี้จะถือเป็นต้นแบบด้านสุขภาพของนักเรียน เป็นผู้ช่วยเหลือ จัดบริการสุขภาพร่วมกับครู อาจารย์ โดยจะเป็นนักจัดกิจกรรมสุขภาพในโรงเรียน รวมทั้งเป็นผู้เชื่อมต่อประสานความร่วมมือกับเครือข่ายต่างๆในชุมชน เช่น อสม. เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ซึ่งจะทำให้ระบบสุขภาพในโรงเรียนเข้มแข็ง และขยายผลถึงครอบครัวและชุมชนของยุวอสม.ด้วย โดยให้ครู-อาจารย์เป็นที่ปรึกษา ยุวอสม. 1 คน ดูแล 1 ห้องเรียน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขมีแผนจะขยายอบรมรุ่นต่อไปอีกประมาณ 10,000 คน และอาจขยายผลอบรมเด็กระดับประถมศึกษาด้วย เพื่อปลูกฝังวินัยการดูแลสุขภาพให้เป็นนิสัยตั้งแต่เด็ก ติดตัวตลอดชีวิต

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ

  

Like this article:
Social share: