ผมไม่ค่อยแน่ใจว่า จะยังมีวิธีคิดแบบเศรษฐศาสตร์ทางเลือก ที่นอกเหนือไปจากเศรษฐศาสตร์กระแสหลักแบบใดได้อีก เศรษฐศาสตร์ถูกทำให้กลายเป็นเครื่องมือเพื่อการจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ มากกว่าหลักคิดหรือหลักปรัชญามากขึ้นทุกที เช่นเดียวกับรัฐประศาสนศาสตร์ที่ถูกแยกออกจาก "หลักการทางการเมือง" ที่ถกเถียงโดยพวกผู้รู้ทั้งหลาย นับแต่ที่วู้ดโรว์ วิลสัน เขียนบทความเรื่อง "ว่าด้วยการศึกษาการบริหาร" ขึ้นมา
เศรษฐศาสตร์ในปัจจุบันถูกถกเถียง ถูกสร้างโมเดลเพื่อแก้จุดอ่อนที่เคยเป็น แขนงความรู้ทางเศรษฐศาสตร์แตกกิ่งก้านสาขาออกไปอย่างไม่เคยมีมา หลักการแข่งขันบนกลไกตลาด ถูกปิดจุดอ่อนด้วยการวิเคราะห์ผลกระทบภายนอก (negative / positive externality) เป็นอาทิ
ปัญหาใหญ่ของความขัดแย้งทางการเมืองในทุกวันนี้ จึงกลับไปอยู่ที่ "การไม่สามารถหาฉันทามติในหลักการทางการเมือง" มากกว่าความไม่สมบูรณ์ด้านนโยบายทางเศรษฐกิจ หรือวิธีการบริหารกิจการสาธารณะ
เมื่อไม่สามารถมีพื้นที่ให้มีการนำเสนอการแข่งขัน "หลักการทางการเมือง" ที่สอดคล้องกับความต้องการสาธารณะ และ/หรือ สอดคล้องกับความเป็นจริงที่เปลี่ยนไป หากแต่หลักการทางการเมืองที่มีใช้อยู่ถูกยันถูกยึดถูกตรึง ห้ามเคลื่อนไหวแล้วฉันใด แนวนโยบายเศรษฐกิจก็ดี วิธีการบริหารกิจการสาธารณะก็ดี ย่อมบิดเบี้ยวด้อยประสิทธิภาพตามไปด้วยฉันนั้น เพราะถึงที่สุดแล้วนโยบายทางเศรษฐกิจ และวิธีการบริหารกิจการสาธารณะจะถูกบัญญัติให้สอดคล้องรับใช้กับ "หลักการใหญ่ในทางการเมือง"ตราบใดที่ข้อเสนอในแนวนโยบายทางเศรษฐกิจและวิธีการบริหารกิจการสาธารณะไม่ไปขัดแย้งแทรกแซงหลักการใหญ่ในทางการเมืองดังกล่าว ในความเป็นจริงข้อถกเถียงสาธารณะในทางเศรษฐกิจและวิธีการบริหารกิจการสาธารณะที่เกิดขึ้นอย่างหนักนั้นก็สามารถสืบสาวลงไปได้ว่ามีรากเหง้าต้นธารมาจากความแตกต่างในทางหลักการทางการเมืองเสียเป็นส่วนใหญ่ ผมยังมีข้อสงสัยเป็นการส่วนตัวเสียด้วยซ้ำไปว่าต่อให้ฉากหน้ายอมรับเงื่อนไขหลักการทางการเมืองตามแบบนิยม แต่หากมีข้อเสนอนโยบายเศรษฐกิจหรือวิธีการบริหารกิจการสาธารณะที่มีเชื้อมูลและรากความคิดซึ่งขัดแย้งจากหลักการทางการเมืองตามแบบนิยม รัฐบาลที่นำเสนอแนวทางแบบนี้อาจถูกโค่นเอาเสียง่าย ๆ ก็เป็นไปได้[2]
เราจะคาดหวังระบบการตรวจสอบที่ดีได้อย่างไร เมื่อสื่อมวลชนไม่สนใจศึกษาหลักวิชาอย่างที่ควรเป็น และสนใจเพียงแต่เรื่องการแย่งชิงอำนาจ เรื่องฉาบฉวย หรือเรื่องบันเทิง? หรือเมื่อสื่อมวลชนไม่ "แตะต้อง" ในหลักการทางการเมืองอย่างที่ควรจะเป็น (ความข้อนี้ย่อมใช้ได้กับ นักการเมือง, นักวิชาการ, ปัญญาชน, ฯลฯ)
เราจะคาดหวังให้ มีพื้นที่ให้มีการแข่งขันการนำเสนอ "หลักการทางการเมือง" ที่สอดคล้องกับความต้องการสาธารณะ และ/หรือ สอดคล้องกับความเป็นจริงที่เปลี่ยนไปได้อย่างไร เมื่อพื้นที่หลักการบางประการถูกห้ามถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์
เราจะมีทางเลือกในหลักการทางการเมืองอย่างแท้จริงได้อย่างไร เมื่อมีวัฒนธรรมที่ครอบงำความอิสระทางความคิด สิ่งที่ได้จึงเป็นสิ่งที่บิดเบี้ยว เราจึงมีเศรษฐกิจพอเพียงคู่กับเศรษฐกิจที่สนับสนุนกลไกตลาดอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน
กล่าวสำหรับการเมืองไทยในปัจจุบัน เราพูดถึงระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต่อมาเราก็พูดถึงระบอบสังคมนิยมอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=itoursab&month=05-05-2010&group=2&gblog=247 ถัดจากนั้นก็พูดกันถึงระบอบคอมมิวนิสต์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข http://oldforum.serithai.net/index.php?topic=28791.0%3Bwap2 และอีกหน่อยคงจะมีคนพูดถึงระบอบสาธารณรัฐอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ขึ้นมาอีกก็เป็นได้
ฉันทามติของการเมืองในปัจจุบันนั้น เห็นด้วยตรงกันหรือยังว่า อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน? และประชาชนนั้นมีความตื่นรู้ทางปัญญา กล้าคิด กล้าวิพากษ์ กล้าตัดสินใจ ด้วยปัญญาญาณแห่งตน โดยปราศจากอิทธิพลใด ๆ ชี้นำ และเข้ามามีส่วนร่วมในกิจการสาธารณะอย่างที่ควรจะเป็น?
ถาม: คิดว่าทำไมรัฐบาลที่เคยให้คำปรึกษา จึงถูกรัฐประหารถึง 2 ครั้ง เป็นเพราะคุณพันศักดิ์ไปทำงานที่คุกคามใครเข้าหรือเปล่า?
ตอบ: คุณชาติชายให้ผมเข้าไปในฮานอยตอนที่ B52 กำลังบอมบ์อยู่ ผมไปคุยกับเวียดนามว่าคนไทยอยากสานเสวนาด้วย ในช่วงที่อเมริกันกำลังถอนตัวจากเวียดนาม งานของผมคุกคามประเทศไทยตรงไหน งานของผมทำให้ธนาคารทหารไทยสามารถเปิดสาขาที่ไซ่ง่อนได้ตอนที่สงครามเลิก มันคุกคามตรงไหน คงไม่ใช่ผมมั้ง
ผมว่าที่เค้ามีปัญหากัน มันเป็นเรื่องทัศนคติของอำนาจ (perception of power) มันไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลย
รัฐประหารเมืองไทย ผมสองในเท่าไรนะ สิบกว่า? คุณก็ต้องไปถามคนอื่นด้วยนะ ไปถามเขาด้วยว่าทำอะไรถึงโดน
ถ้าผมไม่ถูกรัฐประหารสิ น่าสนใจมากเลย คนที่เคยครองอำนาจอยู่ มีความเป็นเหตุเป็นผล (get rational) และเข้าใจอนาคต ผมโดนรัฐประหารก็หมายความว่า it stays the same ก็เท่านั้น
.............................................................
[1] http://teachingamericanhistory.org/library/document/the-study-of-administration/
[2] ดูคำถามคำตอบในบทสัมภาษณ์พันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานคณะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้ได้ที่ http://www.siamintelligence.com/pansak-interview/
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ