โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนสายสีม่วง เส้นทางบางซื่อ-บางใหญ่ มีระยะทาง 23 ก.ม. 16 สถานี ที่กำลังก่อสร้างอยู่ในปัจจุบัน และจะมีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2558 การก่อสร้างรถไฟฟ้าดังกล่าวรัฐบาลไทยกู้เงินจำนวน 36,527 ล้านบาท จากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น (JICA) ซึ่งสูงถึง 40 เปอร์เซนต์ ของเงินกู้จากสถาบันการเงินระหว่างประเทศทั้งหมด ซึ่งโครงการดังกล่าวอยู่ภายใต้การดูแลของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
ในการนี้เครือข่ายแรงงานเอเชียเพื่อตรวจสอบเงินกู้จากสถาบันการเงินระหว่างประเทศ (ALNI) เป็นองค์กรความร่วมมือของนักสหภาพแรงงานและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน ทำหน้าที่ในการตรวจสอบสถาบันการเงินระหว่างประเทศ ว่าเคารพในมาตรฐานแรงงานหลักขององค์การแรงงานระหว่างประเทศหรือไม่ เช่น สิทธิการรวมตัว สิทธิการเจรจาต่อรองร่วมของแรงงาน การคุ้มครองการใช้แรงงานเด็ก การห้ามบังคับใช้แรงงาน และการไม่เลือกปฏิบัติในการทำงาน เป็นต้น
ALNI ได้วิจัยสำรวจสภาพความเป็นอยู่ของคนงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง เพื่อเรียกร้องให้ JICA ยอมรับและปฏิบัติตามมาตรฐานแรงงานหลัก สิทธิสหภาพแรงงาน สิทธิในการต่อรองของคนงาน ในขณะที่สถาบันการเงินระหว่างประเทศอื่น ๆ มีการยอมรับมาตรฐานแรงงานหลักทุกองค์กร เนื่องจากเล็งเห็นถึงความสำคัญของคนงานก่อสร้างที่มีสิทธิเรียกร้องและเจรจาต่อรอง
จากการสำรวจวิจัย พบว่า คนงานมีสภาพความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่มาก แคมป์ไซต์งานตลอดเส้นทางก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงมีสภาพเป็นชุมชนแออัด สกปรกไม่ถูกสุขลักษณะ ขาดความปลอดภัย ที่พักอาศัยของคนงานประกอบด้วยสังกะสี คนงานผู้หญิงไม่มีความเป็นส่วนตัว เด็กเล็กไม่ได้รับการดูแลที่ดี ถูกปล่อยปละละเลย
Robert Pajkovski ผู้อำนวยการ Solidarity Center กล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าฯ สายสีม่วง ถือเป็นโครงการที่ใหญ่ระดับโลก การก่อสร้างได้รับเงินทุนจากองค์การระหว่างประเทศที่มีความมั่นคง อีกทั้งโครงการดังกล่าวสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยได้อย่างมหาศาล ขณะที่คนงานก่อสร้างได้รับค่าตอบแทนเพียงค่าจ้างขั้นต่ำของประเทศ แต่ผลประโยชน์ที่จะเกิดจากโครงการรถไฟฟ้าตกอยู่กับชนชั้นนายทุนเท่านั้น
นายบัณฑิตย์ ธนชัยเศรษฐวุฒิ นักวิจัยด้านสิทธิแรงงาน มูลนิธิอารมณ์ พงศ์พงัน กล่าวว่า สิทธิแรงงานเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่แรงงานทุกคนควรได้รับจากนายจ้าง ในกรณีนี้คนงานส่วนใหญ่มาจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ และเป็นบริษัทรับเหมาชั้นต้นที่มีศักยภาพในการทำสัญญาก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่กับหน่วยงานรัฐมานาน เช่น บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด และบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) คนงานส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย สัญชาติไทย มักจะทำงานล่วงเวลาเป็นประจำ โดยแรงงานไม่สมัครใจทำงานล่วงเวลา และจ่ายค่าจ้างเป็นรายวัน วันไหนไม่มาทำงานจะไม่มีค่าจ้าง และช่วงกรณีเกิดน้ำท่วมต้องหยุดพักงาน แรงงานไม่ได้รับเงินค่าจ้าง แต่เมื่อสามารถเข้าพื้นที่ทำงานได้กลับต้องทำงานล่วงเวลาเพื่อชดเชยกับระยะเวลาที่เสียไป
ขณะที่นายพุทธิ เนติประวัติ นักจัดตั้ง สมาพันธ์แรงงานก่อสร้างและคนทำไม้สากล กล่าวว่า จากการติดต่อเพื่อขอเข้าสัมภาษณ์กลุ่มคนงาน พบว่า การเข้าถึงแรงงานเป็นไปได้ยาก เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือทางผู้วิจัยได้ทำการติดต่อผ่านทางบริษัทผู้ดูแล และต้องมีการนัดหมายวันและเวลาที่แน่นอน ซึ่งตรงนี้เป็นข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลที่แท้จริงของคนงาน เนื่องจากมีผู้ดูแลแคมป์คอยควบคุมตลอดเวลา ในการกรอกแบบสอบถามหรือพูดคุยให้สัมภาษณ์
จากการสำรวจพบว่า ในบริเวณพื้นที่ที่มีการก่อสร้างมีการรั้วรอบขอบชิด และมีการป้องกันอย่างแน่นหนา ส่วนหนึ่งอาจเนื่องมาจากการป้องกันวัสดุอุปกรณ์สูญหาย การห้ามบุคคลภายนอกเข้าบริเวณพื้นที่ก่อสร้าง ซึ่งอาจเกี่ยวกับการประกันอุบัติเหตุในพื้นที่ หรือการป้องกันคนงานออกมานอกพื้นที่ คนงานสามารถออกนอกพื้นที่ในเวลาเลิกงานเท่านั้น เพื่อหาซื้อของสำหรับการปรุงอาหารในเวลาสั้น ๆ พื้นที่บ้านพักของคนงานก็แตกต่างไปจากพื้นที่พักของระดับวิศวกรขึ้นไป ที่มีลักษณะเป็นตู้คอนเทนเนอร์ติดเครื่องปรับอากาศและแบ่งแยกอย่างเป็นสัดส่วน ในขณะที่บ้านพักคนงานใช้เพียงสังกะสีมุงหลังคา ซึ่งมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน และสถานที่อาบน้ำเป็นห้องอาบน้ำรวม ไม่แบ่งแยกชายหญิง นอกจากนี้ยังพบเด็กในพื้นที่ก่อสร้างที่มีอยู่จำนวนมากและไม่ได้รับการศึกษา
ด้าน นายสมยศ สุขอร่าม ตัวแทนคนงานก่อสร้าง ผู้เข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานก่อสร้างแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปกติแล้วคนงานจะทำงานตั้งแต่ 08.00-17.00 น. หากมีการทำงานล่วงเวลาจะต้องทำงานตั้งแต่ 18.00-22.00 s น. โดยเงินเดือนจะจ่ายทุกวันที่ 1 และ 15 ของทุกเดือน ขณะที่คนงานส่วนใหญ่ไม่รู้จักสหภาพแรงงาน และไม่เคยเรียกร้องหรือรวมตัวเสนอนายจ้าง เพื่อปรับปรุงค่าจ้างหรือสวัสดิการที่แรงงานควรได้รับ อีกทั้งคนงานยังไม่กล้าที่จะเข้าร่วมก่อตั้งสหภาพแรงงาน หรือสมัครเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน เนื่องจากกลัวถูกเลิกจ้างหรือถูกเพ่งเล็งจากนายจ้าง ส่งผลทำให้คนงานไม่สามารถรวมตัวกัน เพื่อเรียกร้องหรือต่อรองความไม่เป็นธรรมจากนายจ้าง
นายสมยศจึงได้ขอเรียกร้องแทนพี่น้องแรงงาน ในเรื่องสวัสดิการ ที่พักอาศัย การหาอาหารภายในแคมป์งาน ห้องน้ำมีไม่เพียงพอ ไม่แบ่งแยกเป็นสัดส่วน แรงงานหญิงไม่มีความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ยังมีเรื่องค่าจ้างที่ไม่เป็นธรรม นายจ้างบางรายจ่ายค่าจ้างไม่ตรงตามเวลาที่กำหนดอีกด้วย
ด้านนายสกลเดช ศิลาพงษ์ เจ้าหน้าที่โครงการ Solidarity Center กล่าวในตอนท้ายว่า จะต้องมีการรณรงค์และผลักดันอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อให้ JICA ยอมรับและเคารพในสิทธิแรงงานไทยในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง รวมถึงโครงการก่อสร้างต่าง ๆ ซึ่งยังครอบคลุมไปถึงบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ได้รับประโยชน์จากโครงการเงินกู้นี้ โดยการส่งหนังสือชี้แจงไปยัง JICA และใช้เครือข่ายของ ALNI ที่มีอยู่ในหลายประเทศทั้งอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา เพื่อให้ JICA ยอมรับการรับรองมาตรฐานแรงงานหลักขององค์กรแรงงานระหว่างประเทศหรือ ILO
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ