สสย.-สสส.ลุยขับเคลื่อน เปิดพท.สร้างสรรค์ในเมือง

21 เม.ย. 2556 | อ่านแล้ว 578 ครั้ง

 

เมื่อวันที่ 20 เมษายน สถาบันสื่อสร้างสุขภาพเยาวชน (สสย.)ได้รับมอบหมายจาก สสส. ให้ดูแลยุทธศาสตร์พื้นที่สุขภาวะ จัดงาน “เปิดกบาลสานสร้าง สื่อสร้างสรรค์เมืองสุขภาวะ” ที่โรงแรมรอยัลเจมส์ลอดจ์ นครปฐม

 

น.ส.เข็มพร วิรุณราพันธ์ ผู้จัดการสถาบันสื่อสร้างสุขภาพเยาวชน กล่าวถึงที่มาของการจัดให้มีพื้นที่สร้างสรรค์ว่า สสย.มองว่าการทำงานที่สำคัญที่จะพัฒนาเยาวชนก็คือ การเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ ซึ่งเมื่อปี 2555 ได้จัดงานชุมชน 3 ดี (พื้นที่ดี สื่อดี ภูมิดี) โดยมองว่า การเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ที่มีลักษณะหลากหลายและสอดคล้องกับบริบทของชุมชนจะส่งผลให้เกิดภูมิดี และสื่อดี ซึ่งชุดโครงการก็คือ โครงการพื้นที่นี้ดีจัง มีภาคีอยู่หลายพื้นที่ ผ่านการทำงานที่ยาวนาน และมีบทเรียนหลากหลาย มีกลยุทธ์สำคัญที่จะทำให้เกิดพื้นที่ที่ดี สื่อดี และภูมิดีได้ วันนี้มีพื้นที่ใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยทำงานพื้นที่สร้างสรรค์เข้ามาร่วมเรียนรู้ด้วย เรื่องพื้นที่สร้างสรรค์เป็นงานที่กำลังมีความสำคัญขึ้นเรื่อย ๆ ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก หลายพื้นที่กำลังเริ่มต้นทำงานเรื่องของเมืองสุขภาวะ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

งานนี้จะนำจินตนาการความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละพื้นที่มารวมกัน และในวันสุดท้ายจะมีการร่วมสรุปเป็นภาพใหญ่ที่มีพลัง มีความชัดเจน และสามารถปฏิบัติได้จริง ขอให้ทุกคนร่วมกันเปิดสมอง เปิดจินตนาการเพื่อการทำพื้นที่สร้างสรรค์แก่เด็กและเยาวชนของเรา

 

ด้าน รศ.ดร.วิลาสินี อุดลยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักรณรงค์สื่อสารสังคม สสส.กล่าวถึงความจำเป็นที่ต้องมีพื้นที่สุขภาวะก็เพราะว่า สสส. ให้ความสำคัญกับพื้นที่สุขภาวะ เครือข่ายพื้นที่นี้ดีจังเป็นเครือข่ายต้น ๆ ที่มีส่วนผลักดันเรื่องนี้ให้เป็นรูปธรรม ก่อนหน้านี้ สสส. เคยทำแต่งานรณรงค์สุขภาพในเชิงประเด็น เช่น ลดเหล้า บุหรี่ ออกกำลังกาย ยาเสพติด และพบว่ามีผลในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่ไม่ได้ปรับปัจจัยแวดล้อมที่จะทำให้คนอยู่ในสภาพที่มีวิถีสุขภาพได้อย่างยั่งยืน จึงต้องย้อนกลับมาทำงานพื้นที่ เพื่อสร้างปัจจัยสุขภาวะที่จะโอบอุ้มคนให้มีวิถีชีวิตที่สร้างสุขภาวะได้

 

ตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก คนหนึ่งคนควรจะมีพื้นที่สีเขียวประมาณคนละ 9 ตร.ม. แต่คนในกรุงเทพมีพื้นที่สีเขียวเพียงคนละ 3 ตร.ม. ในขณะที่ประเทศมาเลเซียคนละ 44 ตร.ม. ขณะที่ควรมีสวนสาธารณะเฉลี่ยคิดเป็นพื้นที่คนละ 15 ตร.ม. แต่กรุงเทพมหานครมีพื้นที่สวนสาธารณะเพียงคนละ 0.7 ตร.ม.เท่านั้น ในความเป็นจริง ประเทศไทยมีสวนสาธารณะครบทุกจังหวัด แต่มีเพียง 1 ใน 4 เท่านั้นที่มีการใช้ประโยชน์จริง ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก

 

            “ผลของการขาดพื้นที่ดี ๆ คือเกิดวิกฤตด้านสุขภาพ คนไทยมีภาวะอ้วนลงพุงแล้วประมาณ 34.7เปอร์เซนต์ และประชากร 1 ใน 4 มีภาวะน้ำหนักเกิน ซึ่งนำไปสู่การเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ มากมายที่เรียกว่า โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง เบาหวาน ความดัน ฯลฯ สาเหตุเกิดจากการขาดกิจกรรมทางกายและพฤติกรรมการกิน ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยนี้เป็นสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ด้วยตนเองทั้งนั้น

ทางหนึ่งของ สสส.ที่จะแก้ปัญหานี้ก็คือการสร้างพื้นที่สุขภาวะให้มากขึ้น ไม่จำเป็นต้องเป็นสนามกีฬา ฟิตเนส หรือสถานที่ที่คนต้องมีค่าใช้จ่ายหรือเข้าถึงยาก อาจจะเป็นทางเท้าที่ปลอดภัย สามารถเดินจากบ้านไปที่ต่างๆ ได้อย่างสบายใจ พื้นที่ในโรงเรียนที่รองรับให้เด็กนักเรียนสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้มากๆ หรือพื้นที่ต่าง ๆ ที่ส่งเสริมกิจกรรมทางกายหลากหลายรูปแบบ การมีพื้นที่สร้างสรรค์นั้น จากการศึกษาวิจัยในต่างประเทศ ยกตัวอย่าง การนำดอกไม้ไปวางในห้องพักผู้ป่วยนั้น พบว่าผู้ป่วยหายป่วยรวดเร็ว” ผอ.สำนักรณรงค์สื่อสารสังคม กล่าว

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ดร.วิลาสินีกล่าวต่อว่า พื้นที่สุขภาวะเป็นที่พื้นที่ที่เป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดสุขภาพที่ดีของคน ที่อยู่ในย่านพื้นที่ ถูกวางแผนออกแบบและดำเนินการด้วยความตั้งใจตามหลักสุขภาวะ โดมีกระบวนการบริหารจัดการอย่างมีส่วนร่วมและยั่งยืนของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง นอกจากการสร้างพื้นที่แล้วก็ต้องเปิดให้สังคมการมีส่วนร่วม มีการใช้ประโยชน์และกิจกรรม รวมถึงมีความสะดวกและเข้าถึงและมีความน่าใช้

 

            “ตัวอย่างเมืองที่มีการเปลี่ยนพื้นที่เมืองฮาเลมในนิวยอร์ก ซึ่งเป็นกลุ่มคนผิวสีที่ไม่ได้รับการดูแล หลังจากมีการเปลี่ยน  Harlem Children’s Zone ซึ่งริเริ่มโดยเด็ก ๆ ที่ไปดูงานข้างนอก และกลับเข้ามาเขียนโครงการของบประมาณ มาเริ่มดำเนินงาน โดยเชิญชวนคนที่พื้นที่ โดยเริ่มจากครอบครัวของตัวเองให้มาช่วยคิดช่วยทำ เชิญชวนคนที่ออกไปข้างนอกกลับมา และกิจกรรมแรกก็คือเด็กฮาเลมต้องจบการศึกษาทุกคน มีการวางแผนการจัดการผังเมืองและปัจจุบันก็กลายเป็นเมืองต้นแบบของทั่วโลก อีกตัวอย่างก็คือพื้นที่รกร้างบริเวณใต้ทางด่วนประเทศแคนาดา ซึ่งเปลี่ยนพื้นที่ทางด่วนที่รกร้างและกลายที่เป็นที่มัวสุม ให้เปลี่ยนพื้นที่สีเขียว มีทั้งสนามเด็กเล่น รองรับทุกวัย กลางคืนก็มีแสงไฟส่องสว่าง แล้วพื้นที่รกร้างก็หายไป” ดร.วิลาสินีกล่าว

 

นอกจากนี้ยังกล่าวถึงแผนการดำเนินงานพื้นที่สุขภาวะในอนาคตว่า มีกลไกสนับสนุนทางวิชาการด้านพื้นที่สุขภาะ โดยมีทั้งด้านการออกแบบและพัฒนาพื้นที่ ด้านการจัดกระบวนการมีส่วนร่วมและสร้างศักยภาพเครือข่ายพื้นที่ ด้านการประเมินผลลัพธ์ตามเป้าหมายพื้นที่สุขภาวะเพื่อการสร้างพื้นที่สุขภาวะอย่างมีคุณภาพ

 

ทางด้านอาจารย์สุคนธจิต วงษ์เผือก คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ย้อนรอยถึงการเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ หรือที่เรียกกันว่า พื้นที่นี้...ดีจัง ดำเนินการมา 3 ปีแล้ว และกำลังขึ้นปีที่ 4 การเริ่มต้นทำนั้นใจต้องมาก่อน จะใช้พื้นที่ที่ไหนก็ได้ เพียงแต่ต้องมีส่วนร่วม ปัจจัยความสำเร็จ ยุทธศาสตร์พื้นที่นี้ดีจัง คือ ทำงานแนวลึก สร้างเด็กเป็นนักพัฒนา ทำให้เด็กเติบโตในชุมชน ทำงานแนวกว้าง มีเครือข่าย มีภาพเป็นข่าว สร้างกระแสในสังคม ทำงานด้วยพลังบวก ต่อยอดได้หลายอย่าง

 

ซึ่งพื้นที่นี้...ดีจังนั้นต้องมีพื้นที่ทางกายภาพ นั่นก็คือพื้นที่สำหรับเล่นและทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งบ้าน โรงเรียน และชุมชน พื้นที่ทางความคิด ให้เด็กและเยาวชนได้แสดงออก แสดงความสามารถ มีส่วนในการตัดสินใจ จัดกระบวนการ จัดกิจกรรมของตัวเอง

 

นอกจากนี้ยังบอกถึงแนวคิดในการทำพื้นที่สร้างสรรค์นั่นคือแนวคิด SPACES ซึ่งต้องมีพื้นที่รูปธรรม ที่จะทำให้เกิดกิจกรรมต่าง ๆ แนวคิดนี้ประกอบด้วย Space พื้นที่หรับเด็กและเยาวชน Play and Participation การเล่นและมีส่วนร่วม Arts and Activities ศิลปะและกิจกรรม Community ความเป็นชุมชน Empowerment การเรียนรู้ เสริมพลัง ทั้งในระดับของคนทำงาน เครือข่าย เด็กๆ และคนในชุมชนและ Sharing การแบ่งปัน หากเป็นไปได้อยากให้เกิดพื้นที่นี้...ดีจังทั่วประเทศ

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ

  

Like this article:
Social share: