เตือนSMSลวงขายของ โทษติดคุก-ปรับหนัก5ล.

5 เม.ย. 2556 | อ่านแล้ว 322 ครั้ง

 

เมื่อวันที่ 4 เม.ย. นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม กล่าวภายหลังเวทีเสวนาข้อเสนอแนะและมาตรการควบคุม และกำกับดูแลการให้บริการ SMS การพนัน หรือเสี่ยงโชค จัดโดย โครงการขับเคลื่อนสังคมและนโยบายสาธารณะ เพื่อลดปัญหาจากการพนัน มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์ ว่า สื่อโทรทัศน์ วิทยุ มีเพื่อพัฒนาประเทศ และสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ไม่ใช้ไปใช้ในสิ่งที่เป็นอบายมุข แต่ต้องเข้าใจก่อนว่า การที่มีการเสี่ยงโชค มันเป็นรูปแบบทางธุรกิจ ซึ่ง กสทช.อาจจะต้องหาแนวทางในการกำกับดูแล ให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด โดยเฉพาะต่อเด็กและเยาวชน

 

พร้อมกันนี้ ยังได้รับหนังสือจากเครือข่ายครอบครัวรณรงค์หยุดพนัน โดยหลังจากนี้จะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) กสทช. โดยจะหารือกับคระกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ในบางส่วนที่เกี่ยวข้อง และนำกลับเข้าที่ประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ในส่วนของการดูแลกำกับด้าน SMS เพื่อเป็นวาระเพื่อทราบ และมอบหมายให้ทั้ง 2 บอร์ดไปพิจารณาอีกครั้ง ก่อนนำเข้าสู่บอร์ดกสทช. ในวันที่ 19 เมษายน 2556

 

นายสุทธิพล ทวีชัยการ กรรมการกสทช. ด้านกฎหมาย กล่าวว่า ขณะนี้พบตัวอย่างมีการสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้บริโภคที่ใช้บริการโทรศัพท์มือถือ โดยเฉพาะการให้บริการ SMS ซึ่งเป็นบริการเสริมของบริการโทรศัพท์มือถือ โดยผู้ให้บริการมีทั้งผู้ให้บริการที่เป็น content provider และผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ หรือให้บริการร่วมกัน โดย SMS ที่ส่งเข้าโทรศัพท์มือถือของผู้ใช้บริการ โดยส่วนใหญ่จะใช้ข้อความเชิญชวน หรือลวงผู้ใช้บริการว่าได้รับสิทธิต่าง ๆ และให้ติดต่อเพื่อรับสิทธิ ซึ่งไม่ได้แจ้งเงื่อนไขการใช้บริการที่ครบถ้วน เช่น ในเรื่องค่าใช้จ่าย หรือค่าบริการ ทำให้เมื่อเปิด SMS ดังกล่าว อาจเป็นการสมัครใช้บริการหรือทำให้ผู้บริโภคต้องเสียเงินให้แก่ผู้ให้บริการได้

 

นายสุทธิพลกล่าวต่อว่า การดำเนินในส่วนมาตรการทางปกครองกรณีผู้ให้บริการ ซึ่งเป็นผู้รับใบอนุญาตหากมีการกระทำอันเข้าลักษณะเป็นการใช้เครือข่าย หรือการโฆษณา ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้ใช้บริการแล้ว กสทช.มีอำนาจสั่งระงับการดำเนินการได้ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับทางปกครองไม่เกิน 5 ล้านบาท และปรับอีกวันละไม่เกิน 1 แสนบาท ตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติตามคำสั่ง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำหลักเกณฑ์ในส่วนรายละเอียดว่า การกระทำใดบ้างที่เข้าลักษณะดังกล่าว แต่แม้ว่ายังไม่ได้มีหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นกฎใช้บังคับทั่วไป แต่ กสทช.ก็มีอำนาจตามที่กฎหมายกำหนดในการออกคำสั่งทางปกครองเฉพาะราย เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคได้

 

นายสุทธิพลกล่าวอีกว่า ในส่วนมาตรการทางอาญา กรณีไม่ว่าจะเป็น Content provider หรือผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ถ้ามีเจตนาปกปิดเงื่อนไขดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นจนได้เงิน หรือทรัพย์สินของผู้ถูกหลอกไป อาจเข้าลักษณะความผิดอาญาเรื่องฉ้อโกง ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือในกรณีฉ้อโกงต่อประชาชนก็จะเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีโทษสูงขึ้นจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ในส่วนของ SMS ที่มีการส่งข้อความโฆษณา อาจผิดในเรื่องของการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้บริการได้ โดยหากผู้ใช้บริการได้รับความเสียหายก็อาจดำเนินการฟ้องร้องทางแพ่ง เพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ได้เช่นกัน

 

นอกจากนี้หากการให้บริการ SMS ผู้รับใบอนุญาตมีการเปิดเผยเลขหมายของผู้ใช้บริการให้แก่ content provider โดยผู้ใช้บริการไม่ยินยอม และไม่ใช่ทำเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการกิจการโทรคมนาคม ย่อมเป็นการฝ่าฝืนประกาศ กทช. เรื่อง มาตรการคุ้มครองสิทธิของผู้ใช้บริการโทรคมนาคมเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิในความเป็นส่วนตัว และเสรีภาพในการสื่อสารถึงกันโดยทางโทรคมนาคม เลขาธิการ กสทช. สามารถใช้อำนาจทางปกครองออกคำสั่งตามมาตรา 64 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 ได้อีกด้วย

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ

  

Like this article:
Social share: