วันที่ 31 มีนาคม ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จัดงานเสวนา และแถลงข่าว “ทุกข์ของผู้บริโภคจาก บริษัท แคลิฟอร์เนีย (ไม่) ว้าว ปัญหาที่ยังไร้ทางออก” ขึ้น เพื่อทวงถามความคืบหน้ากับหน่วยงานที่รับเรื่องร้องเรียนทั้ง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI.) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) หลังยื่นเรื่องร้องเรียนผ่านไปกว่า 6 เดือน แต่การแก้ไขปัญหายังไม่คืบหน้า พร้อมเสนอทางออกหากหน่วยงานที่มีอยู่ไม่สามารถทำหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เร่งรัดให้รัฐบาลเร่งออกกฎหมายองค์การอิสระ มาตรา 61เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคเพิ่มขึ้น
จากกรณีผู้เดือดร้อนของสถานออกกำลังกาย แคลิฟอร์เนียฟิตเนส 639 ราย ได้เข้ามาร้องเรียนที่ศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและทางมูลนิธิฯ ได้ประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI.) และกองบังคับการปราบปรามการกระ ทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อขอให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาทั้งในส่วนของการดำเนินการด้านคดี แพ่ง อาญา รวมทั้งเรียกค่าเสียหายกับทางบริษัทฟิตเนสดังกล่าว เนื่องจากผิดสัญญากับลูกค้า โดยไม่สามารถจัดหาสถานออกกำลังกายให้ได้ ทั้งที่รับเงินค่าสมาชิกไปแล้ว
น.ส.เยาวภา จำรัสสมบูรณ์ หนึ่งในตัวแทนผู้เสียหายกล่าวว่า ที่ผ่านมาประมาณช่วงเดือนกันยายน 2555 ทางกลุ่มนี้ได้ยื่นหนังสือต่อ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกในขณะนั้น เพื่อให้สคบ. ดำเนินคดีแพ่งและคดีอาญากับ บริษัท แคลิฟอร์เนีย ฯ เพราะเป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงอยู่แล้ว รวมทั้งยังยื่นหนังสือต่อนายธาริศ เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้พิจารณารับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษ เพราะพฤติการณ์ของบริษัทฟิตเนสที่อาจเข้าข่ายการหลอกลวงและต่อมาในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2555 ผู้เสียหายยังได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้ม ครองผู้บริโภคเพื่อให้ดำเนินคดีอาญาที่น่าจะเข้าข่ายข้อหาฉ้อโกงประชาชน แต่ผ่านมาเกือบครึ่งปี ปัญหาดัง กล่าว ยังไม่ถูกแก้ไขแต่อย่างใด
“สิทธิผู้บริโภคที่ถูกกำหนดไว้ในกฎหมายว่า เรามีสิทธิร้องเรียนและได้รับการชดเชยความเสียหายถูกรับรองมา 34 ปี แต่จนบัดนี้ยังไม่เป็นจริง ขั้นตอนต่าง ๆ ที่ล่าช้า ใช้ระยะเวลานานมากไม่ทันการกับการหลอก ลวง กลโกงของผู้ประกอบการ จนวันนี้คดียังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน ผู้บริโภคไม่ทราบอนาคต ไม่สามารถกำหนดเวลาได้ ขอเรียกร้องให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องรีบดำเนินการคดีอาญาโดยเร็ว” น.ส.เยาวภากล่าวว
นางสุมาลี โรจนวานิช ผู้เสียหายอีกคน กล่าวเสริมว่า ความเสียหายของพวกเราสมาชิกแคลิฟอร์เนียน่าจะเป็นตัวอย่างที่ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้พัฒนามาตรการคุ้มครองผู้บริโภค ในกิจการประเภทเดียวกัน เช่น การมีระยะทดลองก่อนทำสัญญาใช้บริการ การติดตามตรวจสอบการทำสัญญาของผู้ประกอบการว่า ได้ปฏิบัติตามกฎหมายหรือไม่ ตัวอย่างของฟิตเนสแห่งนี้ก็คือ การบอกรับสมาชิกตลอดชีพทั้งที่ กฎหมายประกาศห้ามทำสัญญาเกิน 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2554 เป็นต้นมา เช่น กฎหมายในสหรัฐอเมริกา ผู้บริโภคมีสิทธิบอกเลิกสัญญา โดยไม่ต้องเสียค่าปรับ ด้วยการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 3 วัน หลังจากทำสัญญา และถ้าผู้ซื้อจ่ายค่าบริการไปแล้วแต่ศูนย์ฯ เปิดไม่ได้ตามวันที่กำหนดต้องจ่ายเงินคืนเต็มจำนวน ภายใน 10 วัน เป็นต้น
น.ส.นิรมัย ศิษย์ธนานันท์ กล่าวเสริมว่า ขั้นตอนการทำงานของภาครัฐที่มีความล่าช้า อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้เสียหายหมดกำลังใจที่จะดำเนินการร้องเรียน หรือไม่ดำเนินการเลย เพราะไม่เห็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจน จึงอยากฝากถึงหน่วยงานภาครัฐให้ทำหน้าที่ในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเสียหายอย่างรวดเร็ว เพื่อบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้น และยุติการทำผิดของผู้ประกอบการที่ จะทำกับผู้อื่นต่อไป และประกาศจะเดินหน้าต่อสู้กับผู้ประกอบการจนถึงที่สุด
น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทฯ ถอนคำร้องขอฟื้นฟูกิจการแล้ว และกลับเข้าสู่การพิจารณาคดีล้มละลาย และหวังว่าในทางคดีอาญา กองปราบฯ และสำนักงานคดีพิเศษ (DSI) ต้องเร่งดำเนินการให้รวดเร็วขึ้น เพราะเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของบริษัทที่อาจจะถูกถ่ายเท และผู้บริโภคที่เสียหายก็จะไม่ได้รับการคุ้มครองถึงแม้จะชนะคดี ส่วนของสภาทนายจะสามารถฟ้องคดีได้ในเร็ว ๆ นี้ พร้อมเรียกร้องให้รัฐสภาเร่งผลักดันกฎหมายมาตรา 61 องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อเป็นกลไกในการสนับสนุนผู้บริโภคให้ได้รับการคุ้มครอง และได้รับการเยียวยาความเสียหายจริงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ