ศาสตราจารย์กิตติคุณ สุมน อมรวิวัฒน์ กรรมการบริหารแผนคณะที่ 4 สำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชนและครอบครัว สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวในการเสวนาวิชาการเวทีปฏิรูปการเรียนรู้สู่การศึกษาเพื่อคนทั้งมวล ครั้งที่ 14 “การพัฒนาการเรียนรู้ในจังหวัดนำร่อง : ฝันที่ตั้งใจให้เป็นจริง” กรณีศึกษาเพชรบุรี และลำพูน จากโครงการครูสอนดี จัดโดยสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ร่วมกับสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สสส. เมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า วิถีเพชรบุรี วิถีหริภุญชัย และวิถีของ สสค. 3 วิถีนี้มาบรรจบกันได้อย่างไร มักมีคำถามว่า เด็กที่ขาดโอกาสเข้าเรียน เด็กที่เข้าเรียนแต่ต้องออกกลางคัน เด็กที่จบแล้วไม่มีงานทำ เด็กที่จบแล้วมีงานทำแต่ทำไม่เป็น แข่งขันไม่ได้ ซึ่งมักจะถูกถามเสมอว่าแล้วเด็กเหล่านี้อยู่ที่ไหน ใครหาพวกเขาพบบ้าง เมื่อพบแล้วพัฒนาให้เขามีโอกาสหรือไม่ คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่ยังไม่ค่อยมีคำตอบ หรือมีคำตอบก็ไม่ตรงกับคำถาม แล้วก็มาว่าคนถามว่าถามไม่ตรงคำตอบ
ดังนั้น สสค.จึงมุ่งมาที่จุดนี้ จากที่ได้มีโอกาสทำงานกับเพชรบุรีหลายปีพบว่า วิถีเพชรบุรีเป็นวิถีที่ขุดค้นลวดลายสีสันของครู และคนในเพชรบุรีที่ซ่อนเอาไว้ไม่มีโอกาสแสดงออก จากการที่มีการต่อยอดแลกเปลี่ยน ปลุกเร้า ผ่านเครือข่ายของครูสอนดี ซึ่งทำให้ครูได้มีโอกาสฉายแสงออกมาให้ทุกคนได้เห็น และวิถีของเพชรบุรี ก็คงจะสามารถพัฒนาระบบการพัฒนามนุษย์อย่างบูรณาการได้
ศาสตราจารย์กิตติคุณ สุมน กล่าวต่อว่า จากการที่อยู่ลำพูนมาตั้งแต่เล็กจนจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษา วิถีหริภุญชัยหรือลำพูนในอดีตสามารถยืนยันได้ว่าหริภุญชัยเป็นนครที่สงบร่มเย็น ด้วยวัฒนธรรม ศาสนา การศึกษา และสัมมาชีพ ซึ่งในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่ถึงกระนั้น ลำพูนควรจะต้องรักษาอัตลักษณ์เช่นเดียวกับเพชรบุรี คือเป็นนครแห่งการผสมผสาน วัฒนธรรม ศาสนา การศึกษาและสัมมนาชีพ งานของ สสค. จะคงทำเรื่องการศึกษาและการพัฒนาครู เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์แก่เด็กและเยาวชน
“จากวิถีของ 2 เมืองนี้ วิถีการทำงานของ สสค. จากโครงการที่ดำเนินงานมานั้น ผลการดำเนินงานได้มากว่าครูสอนดี เพราะสสค.จะเน้นการทำงานกับท้องถิ่นเป็นองค์กรหลัก เป็นการทำงานที่ไม่เคาะปีบ ตีปีบเหมือนงานอื่น สสค.ทำงานสนับสนุนให้กับกลุ่มเป้าหมาย ส่งเสริมให้กลุ่มเป้าหมายมีผลงานให้เป็นที่ประจักษ์และเป็นที่รู้จักเพราะเป็นผู้ปฏิบัติจริง จากที่ได้จัดเวทีเสวนามากว่า 10 ครั้ง เห็นได้ว่างานของ สสค.เกิดการเคลื่อนไหว เห็นสิ่งที่ปรากฏขึ้นจริง คือการมีส่วนร่วม ความพร้อมของประเทศไทยขึ้นอยู่กับความพร้อมของเราทุกคน เราได้เห็นครูเข้มแข็งขึ้น นักเรียนคิดเป็นและเก่งมากขึ้น ที่สำคัญคือผู้บริหารพัฒนาถูกทิศทาง เน้นพัฒนาไปที่ตัวนักเรียน ไม่ได้มุ่งที่โอเน็ตอย่างเดียว ในขณะที่กระแสหลักจะดู ONDP เป็นเรื่องสำคัญ ผลงานที่เกิดขึ้นทำให้การศึกษาเกี่ยวข้องกับชีวิต และพัฒนาให้ชีวิตของคนไทยพร้อมมากขึ้น แต่ขอตั้งข้อสังเกตว่าไม่ว่า สสค. และ สสส.หรือ สำนักงาน หรือองค์กรอิสระต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ทั้งที่เป็นองค์กรเอกชน และราชการ ขณะนี้ทุกองค์กรจะถูกตรวจสอบมากขึ้น และผู้ที่ตรวจสอบคือประชาชนในท้องถิ่น ดังนั้นการทำงานของเรามีความสำคัญมาก แต่ขณะเดียวกันก็ต้องรอบคอบ และคำนึงถึงความเชื่อมโยงในการดำเนินงาน (Interconnected)” ศาสตราจารย์กิตติคุณ สุมน กล่าว
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ