เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เป็นประธานประชุมบริหาร โดยเรียกผู้บัญชาการแต่ละภาคเข้าร่วมประชุม เพื่อชี้แจงข้อมูลการก่อสร้างสถานีตำรวจ (ทดแทน) 396 แห่งที่ล่าช้าด้วย พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการหารือเรื่องการสร้างสถานีตำรวจ 396 แห่ง โดยได้เชิญผู้บัญชาการแต่ละภาคมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งข้อมูลที่ได้รับเป็นประโยชน์ในการพิจารณาเรื่องนี้ โดยในส่วนนี้เราต้องดูเรื่องของสัญญาเป็นหลัก รวมถึงดูเรื่องหลักฐานเกี่ยวกับการส่งมอบพื้นที่ เรื่องการทำผิดสัญญา การจ้างช่วงต่อ และประเด็นที่สำคัญคือผู้รับเหมาไม่สามารถส่งมอบงานได้ทันวันที่ 14 มีนาคมนี้ ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดสัญญา ตรงนี้จึงเป็นเหตุผลสำคัญในการใช้บอกเลิกสัญญาจ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายผู้รับเหมาอ้างว่ามี 12 พื้นที่ที่ทางตร.ยังไม่ส่งมอบพื้นที่ให้ จึงไม่สามารถดำเนินการสร้างสถานีตำรวจได้ พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวว่า เรื่องนี้มีหลายกรณีต้องพิจารณาเป็นรายกรณีไป แต่โดยภาพรวมทางฝ่ายผู้รับเหมาไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามสัญญา และมีการจ้างช่วงต่อซึ่งเป็นการทำผิดเงื่อนไขของสัญญา
เมื่อถามว่า ผบ.ตร.มีการตัดสินใจจะยกเลิกสัญญาหรือยัง พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมีหลักฐานครบถ้วนก่อนตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป วันนี้เป็นการหารือร่วมกันในภาพรวม ยังไม่มีการตัดสินใจ
เมื่อถามว่า คณะกรรมการติดตามการดำเนินการโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการ ที่มี พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผบ.ตร.เป็นประธาน มีข้อเสนอให้ยกเลิกสัญญาก่อนวันหมดสัญญา หรือยกเลิกสัญญาในวันหมดสัญญา ตรงนี้ได้ตัดสินใจอย่างไร พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวว่า ในการตัดสินใจจะยึดหลักภายใต้กฎหมายไม่ให้ตร.เสียเปรียบ โดยยึดเอาวันที่ 14 มีนาคม เป็นตัวตั้งเพื่อความรอบคอบรัดกุม เพราะระยะเวลาในการดำเนินการจัดจ้างใหม่ไม่ต่างกันมาก ไม่ว่าจะบอกเลิกสัญญาวันนี้หรือบอกเลิกสัญญาในวันที่ 14 มีนาคมระยะเวลาก็ไม่ต่างกันมาก โดยระหว่างนี้ได้ให้ฝ่ายอำนวยการกำหนดขั้นตอนการจัดจ้างใหม่ ซึ่งเป็นการดำเนินการคู่ขนานกันไป โดยการจัดจ้างเบื้องต้นจะให้กระจายอำนาจ แต่จะพิจารณาหลักการที่เหมาะสมอีกครั้ง
ด้าน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องเดียวกันว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นนานตนจำรายละเอียดที่แม่นยำไม่ได้นัก โดยโครงการนี้เริ่มในสมัยตน รัฐบาลในขณะนั้น ให้ตร.เสนอโครงการตามงบประมาณไทยเข้มแข็ง โดยตอนนั้นเสนอไป 3 โครงการ คือ 1.สร้างที่พักอาศัยให้ตำรวจชั้นประทวนงบประมาณประมาณ 1,800 ล้านบาท 2.ที่การการสถานีตำรวจ 396 แห่ง งบประมาณ ประมาณ 6,400 บาท 3.ก่อสร้างแฟลต 163 แห่ง งบประมาณประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยโครงการแรกสร้างดำเนินการแล้วเสร็จไปแล้ว การจัดจ้างใช้วิธีการกระจายอำนาจ ทำสัญญา 10 สัญญา ในนั้นเป็นสัญญาที่ส่วนกลาง 1 สัญญา ตอนนั้นเมื่อแยกสัญญาบช.ต่าง ๆ ก็รับผิดชอบบริหารสัญญาได้สำเร็จ บริษัทที่สร้างก็เป็นบริษัทตามภูมิภาคต่าง ๆ
สำหรับโครงการสร้างที่ทำการสถานีตำรวจ พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าวว่า ตอนนั้นตนเสนอให้ทำวิธีการจัดซื้อจัดจ้าง โดยหลักเดิมเช่นเดียวกับที่พักอาศัย คือกระจายอำนาจ ให้หน่วยไปดำเนินการเอง เสนอไปอย่างนั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำกับตร.ก็รับอนุมัติเห็นชอบในหลักการแล้ว และไม่มีการให้ข้อเสนอแนะหรือพูดถึงการรวมสัญญาเป็นสัญญาเดียวแต่อย่างใด แต่ไม่ทันดำเนินการตนก็เกษียณอายุราชการเสียก่อน ทราบว่ามีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง ซึ่งตนทราบแค่นั้น
ส่วนโครงการสร้างแฟลตก็ไม่ทันเช่นกัน ตนเกษียณไปก่อน แต่วิธีการที่เสนอคือ ต้องกระจายอำนาจให้บช.ไปจัดจ้างเอง เพราะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ หน่วยสามารถบริหารจัดการสัญญา ให้สามารถดำเนินการได้ อย่างไรก็ตามเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติเกิดความเสียหายมาก ผู้นำหน่วยต้องฟันธง ตัดสินใจโดยเร็ว เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นต่อองค์กรตำรวจ ทั้งนี้จนขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้ข้อมูลเรื่องนี้แต่อย่างใด
ขอบคุณข่าวจาก http://breakingnews.nationchannel.com
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ