กอ.รมน.พร้อมเลิกพรก.ฉุกเฉิน ระบุสถานการณ์ดี-ลดรุนแรงลง

ฮัสซัน โตะดง โรงเรียนนักข่าวชายแดนภาคใต้ (DSJ) 30 มิ.ย. 2555


 

เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่อาคาร Park Ventures Ecople ถ.วิทยุ กรุงเทพมหานคร มูลนิธิคอนราด อเดนาวร์ ร่วมกับสหภาพยุโรป มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม และมูลนิธิผสานวัฒนธรรม จัดสานเสวนาเครือข่ายชายแดนใต้เรื่อง “ความก้าวหน้าในการเข้าถึงความยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนภายใต้สถานการณ์ความขัดแย้ง” โดยมีผู้เข้าร่วมประมาณ 30 คน

 

พล.ต.นักรบ บุญบัวทอง รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานการปฏิบัติที่ 5 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวว่า การต่ออายุการใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ภาคใต้ ครั้งต่อไป อาจจะลดพื้นที่การประกาศใช้ลง เนื่องจากมีสัญญาณที่ดีหลายประการ ทั้งจากโอไอซี (องค์กรความร่วมมืออิสลาม) และสัญญาณอื่นๆ ซึ่งหน่วยงานความมั่นคงกำลังพิจารณาเป็นรายหมู่บ้านและตำบล

 

“ทุกคนโจมตีว่า เรื่องการใช้กฎหมายพิเศษในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ใช่ว่าหน่วยงานทางด้านความมั่นคงไม่อยากเลิก แต่การยกเลิกจะต้องมีตัวชี้วัดหลายๆ อย่าง ไม่อยากเลิกแล้วต้องนำกลับมาใช้ใหม่” พล.ต.นักรบกล่าว

 

ขณะนี้มีกฎหมายพิเศษ 3 ฉบับในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีการบังคับใช้กฎอัยการศึกและ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ใน จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ยกเว้น อ.แม่ลานใน จ.ปัตตานี โดยในอำเภอดังกล่าวและอีกสี่อำเภอใน จ.สงขลา คือ นาทวี สะบ้าย้อย เทพา และจะนะ มีการใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงรักษาภายในราชอาณาจักร

 

พล.ต.นักรบกล่าวว่า ตัวชี้วัดที่ใช้ในการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และกฎอัยการศึกได้แก่ 1.สถิติความรุนแรงลดลง 2.สามารถทะลายโครงสร้างของผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ได้ 3.ประชาชนเข้มแข็งและสามารถดูแลตนเองได้ ซึ่งเมื่อยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แล้ว จะนำ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ มาใช้แทน สาระสำคัญของ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ คือมาตรา 21 ที่จะให้ผู้ต้องหาเข้าอบรมแทนการฟ้องร้องดำเนินคดี ซึ่งเป็นขั้นตอนของการพูดคุยกับคนที่คิดเห็นต่าง และกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้ตามปกติ ส่วนการปกครองพิเศษเป็นเรื่องอีกนาน และน่าจะทำในพื้นที่ที่มีความสงบมากกว่า แต่พื้นที่ที่มีความรุนแรงอยู่ หน่วยงานความมั่นคงมองว่าไม่น่าทำ เป็นเงื่อนไขในการแยกเป็นเอกราช

 

ด้าน ศ.ดร.อมรา พงศาพิชญ์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และประธานอนุกรรมการยุทธศาสตร์ด้านสิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า ปัญหาที่สำคัญมาก ถือเป็นรากเหง้าของปัญหาภาคใต้ คือ ธรรมาภิบาล ส่วนการละเมิดสิทธิมนุษยชน การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมทำให้ปัญหามีความรุนแรงมากขึ้น

 

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: