.ป.ช. ฟันสุพจน์ร่ำรวยผิดปกติ ยึดเงินสด18ล้านเป็นของแผ่นดิน

ชุลีพร บุตรโคตร ศูนย์ข่าว TCIJ 25 พ.ค. 2555 | อ่านแล้ว 1418 ครั้ง

เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการและโฆษก ป.ป.ช.  เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนกรณี นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ซึ่งได้ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตั้งอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีมีข้อสงสัยว่า กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ร่ำรวยผิดปกติ และจงใจยื่นแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ในระหว่างดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคม โดย คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อจริงกรณีร่ำรวยผิดปกติเกี่ยวกับเงินของกลาง ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้อายัดไว้ จำนวน 18,121,000 บาท และทองคำรูปพรรณน้ำหนัก10 บาท ที่คนร้ายนำเงินที่ได้จากการปล้นไปซื้อ ซึ่ง ได้มีการพิจารณาใน 2  ประเด็นคือของกลางดังกล่าวเป็นของผู้ถูกกล่าวหารือไม่ และของกลางจำนวนดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่นายสุพจน์ได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ทั้งนี้ จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ในประเด็นที่ 1 เกี่ยวกับประเด็นของกลางดังกล่าวนั้นเป็นของนายสุพจน์จริงหรือไม่ ได้มีการไต่สวนข้อเท็จจริง จากการสอบปากคำผู้ต้องหาในคดีร่วมกันปล้นทรัพย์นายสุพจน์  ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาแล้วว่า ของกลาง ซึ่งเป็นเงินสดจำนวน 18,121,000 บาท และทองคำรูปพรรณ 10 บาท ดังกล่าวรับได้ว่าเป็นของนายสุพจน์จริง

 

 

ส่วนในประเด็นที่ 2  ว่าเงินของกลางจำนวนดังกล่าว เป็นทรัพย์สินที่นายสุพจน์ได้เป็นทรัพย์สินที่ได้จากการร่ำรวยผิดปกติหรือไม่  ในการไต่สวนนายสุพจน์ได้ชี้แจงว่า เงินสดที่ถูกปล้นไปมีจำนวน 5,068,000บาท โดยแยกเป็นเงินสินสอดของลูกสาวจำนวน 2,000,000 บาท และเงินที่นายทศพร ปราบใหญ่ บิดาของนายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ บุตรเขยนายสุพจน์ มอบให้เป็นทุนในการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวใหม่ จำนวน 2,500,000 บาท และเงินรับไหว้จากญาติผู้ใหญ่รวม 568,000 บาท ซึ่งกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่าเงินสินสอดจำนวน 2,000,000 บาทนั้น จากการตรวจสอบธนบัตรของกลางในคดีซึ่งพบว่าลักษณะของธนบัตรทั้งหมดล้วนผ่านการใช้งานมาแล้ว ไม่ได้มีลักษณะเป็นธนบัตรใหม่ดังที่ปรากฏในภาพถ่ายเงินสินสอดในงานมงคลสมรสของลูกสาว ตามที่นายสุพจน์ พยานบุคคลที่เกี่ยวข้องอ้างถึงแต่อย่างใด นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ยังเห็นว่า ธนบัตรทั้งหมดยังไม่ปรากฏปลอกคาดธนบัตรของโรงพิมพ์ธนบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยตามที่ปรากฏในภาพถ่ายเงินสินสอดในงานมงคลสมรสรวมอยู่ในเงินของกลางอีก จึงฟังได้ว่าเงินของกลางในคดีที่ 2458/54 สถานีตำรวจวังทองหลาง จึงไม่ใช่เงินสินสอดที่นายสุพจน์ ได้รับในวันแต่งงานบุตรสาว ส่วนเงินที่นายทศพร มอบให้เป็นทุนในการเริ่มต้นครอบครัวใหม่ จำนวน 2,500,000 บาทนั้น ก็เป็นการมอบให้ในที่ลับตา ไม่มีพยานบุคคลอื่นรู้เห็น คำให้การของนายทศพร จึงไม่น่าเชื่อถือ เพราะมอบให้ในงานแต่งโดยฉุกละหุก ไม่เปิดเผย จึงฟังว่าไม่มีการมอบเงินดังกล่าวจริง ขณะที่เงินรับไหว้ที่ญาติผู้ใหญ่มอบให้จำนวน 568,000 บาทนั้น พิจารณาแล้วเห็นว่ามีการมอบให้จริงและอาจรวมอยู่ในเงินของกลางดังกล่าว

 

“ส่วนเงินที่เหลือจำนวน 13,053,000 บาท และทองรูปพรรณน้ำหนัก 10 บาทนั้น ฟังได้ว่าเป็นเงินของนายสุพจน์ ที่คนร้ายปล้นจากบ้านนายสุพจน์ ซึ่งนายสุพจน์ไม่เคยแจ้งไว้ในบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. และไม่สามารถชี้แจงที่มาของเงินดังกล่าวได้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่านายสุพจน์ ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ และมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ เป็นเงินจำนวน 17,553,000 บาท และทองคำรูปพรรณหนัก 10 บาท  ให้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินคดีร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินต่อไป สำหรับรายการทรัพย์สินของนายสุพจน์ ในส่วนอื่นๆ ได้แก่เงินฝากในบัญชีธนาคาร ที่ดิน อาคาร และสิ่งปลูกสร้าง รถยนต์ และทรัพย์สินอื่นๆ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้เลื่อนการพิจารณาไปในการประชุมวันที่ 29 พ.ค.นี้” นายกล้านรงค์กล่าว

 

สำหรับคดีของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม กลายเป็นข่าวฮือฮามากที่สุดข่าวหนึ่งในช่วงปลายปี 2554 เมื่อมีกลุ่มคนร้ายบุกเข้าปล้นทรัพย์ในคฤหาสน์หรู ในซอยลาดพร้าว 64 ซึ่งเป็นบ้านพักของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมในขณะนั้น ได้ทรัพย์สินเป็นเงินสดและทองรูปพรรณจำนวนมาก ซึ่งหลังจากการนายสุพจน์เข้าแจ้งความในคดีปล้นทรัพย์ในครั้งนั้น กลับกลายเป็นที่มาของคดีร่ำรวยผิดปกติ ที่ คณะกรรมการและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต้องตั้งคณะอนุกรรมการฯ ขึ้นมาไต่สวนและพิจารณา หลังจากที่พบว่าจำนวนทรัพย์สินที่ผู้ต้องหาอ้างว่าปล้นไปจากบ้านของนายสุพจน์มีจำนวนสูงผิดปกติ โดย ป.ป.ช.ได้รับเรื่องนี้ไว้ไต่สวนใน 3 ข้อหา คือ ร่ำรวยผิดปกติ ปกปิดบัญชีทรัพย์สิน และทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ ทั้งนี้ในระหว่างการถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน นายสุพจน์ ได้ถูกย้ายไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี กระทั่งในวันที่ 18 พฤษภาคม 2555 ที่ผ่านมานายสุพจน์ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคมต่อนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม โดยระบุเหตุผลว่าต้องการที่จะเปิดทางให้กับคนที่มีความสามารถเข้ามาทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ ไม่ได้ถอดใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวเองแต่อย่างใด ซึ่งการลาออกครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนหน้าการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ในกรณีการไต่สวนคดีของนายสุพจน์เพียงไม่กี่วัน

ส่วนความคืบหน้าคดีปล้นบ้านนายสุพจน์นั้น ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอาญาโดยพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสิงห์ทอง หรือเสธ.ไก่ ใจชมชื่น กับพวก เป็นจำเลยที่ 1-9 ในความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์ ลักเงินสด 18,121,000 บาท ของนายสุพจน์ไป สำหรับผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมีนายวีระศักดิ์ หรือโก้ เชื่อลี หัวหน้าทีมปล้น นายพงษ์ศักดิ์ หรือเจี๊ยบ นามวงศ์ และนายคำนวณ หรือ นวน เมฆน้อย

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: