‘เจาะลึกพนันบอล 4’ ย้อนชีวิตเด็กม.4 กับหนี้ลูกหนัง เจอขู่เอาชีวิตถึงบ้าน ปล่อยโฮสารภาพกับแม่-หาเงินใช้คืน

ทีมข่าว ศูนย์ข่าว TCIJ 21 ก.พ. 2555 | อ่านแล้ว 4280 ครั้ง

 

นักเขียนรางวัลโนเบลชาวฝรั่งเศส อัลแบร์ กามูส์ เคยกล่าวยกย่องเกมลูกหนังที่เขาชื่นชอบไว้อย่างเลิศลอยว่า “ทุกสิ่งที่ผมรู้เกี่ยวกับคุณธรรม ผมเรียนรู้จากฟุตบอล” กามูส์เกิดในปี ค.ศ.1913 เสียชีวิตในปี ค.ศ.1960 สมมติว่าถ้าเขาเกิดช้ากว่านั้น และมีชีวิตยืนยาวถึงปัจจุบัน ไม่แน่ว่าเขาอาจเปลี่ยนคำพูด

คนที่เชื่อว่าจะค้นหาสิ่งที่เกี่ยวกับคุณธรรมได้ในสนามฟุตบอล อาจเหลืออยู่น้อยเต็มที ธุรกิจและการพนันเปลี่ยนโฉมฟุตบอลไปมากเกินกว่าจะยอมให้เกมลูกหนังเป็นเทวทูตคอยสั่งสอนใคร ถ้าเป็นปีศาจ...ไม่แน่

 

15 ปีก่อน แคน (นามสมมติ) เป็นเพียงเด็กชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เขาใช้เวลา 3 เดือน กับเงิน 90,000 บาทซื้อบทเรียนราคาแพงที่สุดในชีวิต

 

ปีศาจสอนคุณธรรมใครไม่ได้ แต่บางครั้งมันก็ให้บทเรียนราคาแพงได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคนจ่ายด้วยเหมือนกันว่ารู้จักเรียนรู้และจดจำแค่ไหน

 

หลังจากบ่ายเบี่ยงไม่ยอมจ่ายหนี้พนันบอลให้แก่เจ้ามือโต๊ะบอล 2 ครั้ง เจ้ามือเสียงดุคนที่แคนไม่เคยเห็นหน้าโทรศัพท์มาทวงเป็นครั้งที่ 3 และพูดกับแคนว่า “เฮ้ย คุณแคน ได้ข่าวว่าคุณเป็นลูกทหารเหรอ คุณรู้มั้ยว่าลูกปืนลูกไม่กี่บาท คุณน่าจะรู้นะ”

ประโยคสั้นๆ นี้หนักหนาเกินทนสำหรับเด็ก ม.4 เขาวางโทรศัพท์ แล้วปล่อยโฮออกมา แม่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ตกใจและไถ่ถาม แคนพรั่งพรูทุกอย่างให้แม่รู้ จะเป็นเพราะแม่ของแคนเป็นทหารหรือไม่ก็สุดคาดเดา เธอบอกแคนให้เอาเลขบัญชีของเจ้ามือคนนั้นมาให้ โดยไม่พูดสิ่งใดอีก และจัดการโอนเงิน 90,000 บาทไปให้ หลังจากสะสางหนี้ให้ลูกชายแล้ว คำพูดเดียวที่หลุดจากปากแม่คือ “แคน แม่ขอ”

นั่นคือจุดสิ้นสุดระหว่างแคนและการพนันบอล

 

ตกหล่มพนันบอล-ถอนตัวแสนยาก

 

งานศึกษาเรื่องการพนันบอลชี้ว่า กลุ่มคนที่เล่นพนันบอลมากที่สุดเป็นกลุ่มนักเรียน-นักศึกษา

เมื่อ 15 ปีก่อน โทรศัพท์มือถือยังไม่แพร่หลาย สมาร์ทโฟนยังเป็นอุปกรณ์ในนิยายวิทยาศาสตร์ อินเตอร์เน็ตยังเป็นนวัตกรรมค่อนข้างใหม่สำหรับเมืองไทย การพนันบอลแต่ละครั้งยังต้องอาศัยตัวกลางอย่างเด็กเดินโพยเพื่อรับ-ส่งคำเดิมพันและเงิน โพยบอลที่เห็นเกลื่อนกลาดสมัยนี้ แคนบอกว่าสมัยนั้นเขาไม่เคยรู้จัก ไม่มีบอลชุด มีเพียงบอลคู่ แล้วไม่มีบอลให้เล่นทุกวันเหมือนเดี๋ยวนี้ มีถ่ายทอดบอลแค่ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์

 

จากเด็กม.4 ที่ชอบเล่นกีฬาฟุตบอลคนหนึ่ง แต่เมื่อเพื่อนต่างห้องผู้เป็นเด็กเดินโพยให้แก่โต๊ะบอลในละแวกโรงเรียน เชิญชวนให้เล่นสนุกๆ แคนก็นึกสนุกด้วย ลองเล่นแบบขำๆ แทงบอลครั้งแรก คู่แรกในชีวิต 50 บาท เขาทายถูก ได้กลับมา 50 บาท ขณะนั้นยังเป็นช่วงที่แคนไม่มีความรู้เรื่องอัตราต่อรองหรือวิธีการแทงบอลด้วยซ้ำ แต่เมื่อพลัดตกหล่มบอลแล้ว กว่าจะปีนป่ายพ้นปากหลุมก็แสนยาก

 

“ในโรงเรียนจะรู้กันว่า ถ้าจะแทงต้องมาหาคนนี้ ตัวเขาก็เล่นด้วย ตอนนั้นเด็กที่เล่น อาจจะเป็นพวกผมกลุ่มเดียว ประมาณ 10 กว่าคน อารมณ์ประมาณว่าอยากลอง อยากสนุก แค่ 50 บาท ยังไม่คิดว่าจะถลำไปเยอะ”

 

เริ่มคู่แรกแบบสมัครเล่นจนฮึกเหิม

 

ในยุคนั้นเมืองไทยยังมีฟุตบอลเพียง 3 ลีกหลักๆ ที่คนไทยรู้จักคือ พรีเมียร์ ลีก ของอังกฤษ กัลโช่ ซีรีส์ อา ของอิตาลี และบุนเดสลีกาของเยอรมนี เมื่อได้เงินมาในครั้งแรกก็แทงต่อ เงินลงทุนเริ่มขยับจาก 50 บาท เป็น 100 บาท จากแทงคู่เดียวก็ขยับเป็น 3-4 คู่ จากที่ไม่เคยรู้เรื่องอัตราต่อรองก็เริ่มเรียนรู้ ถามว่ารู้จากไหน แคนบอกว่ารู้จากหนังสือพิมพ์กีฬาในยุคนั้น ซึ่งยังคงยืนหยัดมาถึงยุคนี้

 

ช่วงที่การพนันบอลกำลังเข้าเส้น แคนหักเงินประมาณ 40 บาท จาก 100 บาทของเงินมาโรงเรียน เพื่อซื้อหนังสือพิมพ์กีฬา 4 ฉบับ สำหรับอ่านและวิเคราะห์หาความเป็นไปได้ให้มากที่สุด เพื่อนำไปต่อรองกับโชคชะตาที่ไม่แน่นอนที่สุด หนังสือพิมพ์ถือเป็นแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดในยุคนั้น ทั้งยังมีการประกาศราคาต่อรองราคาเดียวกับของโต๊ะบอล จนเป็นที่รู้กันว่า ถ้าใครถือหนังสือพิมพ์หัวนี้ๆ แปลว่าหมอนั่นเล่นพนันบอลแน่นอน

 

“ผมเริ่มแทงเยอะขึ้น แต่ก็ยังได้อยู่ อาศัยจำนวนคู่ ตอนแรกเราแทงแค่คู่เดียว แต่พอเริ่มเข้าใจการแทงแล้วเราอาจจะแทง 3 คู่ เรามองว่าอาจจะแทง 1 คู่ ได้ 2 คู่ หรือแทง 2 คู่ ได้ 1 คู่ เอาไปเฉลี่ยกัน ส่วนหนึ่งผมมีเงินเก็บของตัวเองอยู่แล้ว ช่วงแรกผมจะได้ 100 บ้าง 50 บ้าง ยิ่งทำให้เราฮึกเหิม มั่นใจ ยิ่งกล้าเล่นหนักขึ้น” แคนเล่า

 

สมองมีแต่ฟุตบอล-เข้าขั้นลูกค้าชั้นดี

 

ยิ่งแทงก็ยิ่งได้ เงินเดิมพันที่แคนทุ่มลงไปก็เริ่มหนักข้อขึ้น ศุกร์ถึงอาทิตย์ แคนใช้เวลาเกือบทั้งคืนเพื่อชมถ่ายทอดฟุตบอลผ่านดาวเทียมตั้งแต่ 5 ทุ่มถึงตี 4 การฝืนตื่นไปเรียนพิเศษในวันเสาร์-อาทิตย์ หรือการไปเรียนปกติในวันจันทร์กลายเป็นเรื่องทุกข์ทรมาน แอบหลับในห้องเรียนถือเป็นเรื่องปกติ

 

“เวลาผมดูบอล อารมณ์มันก็จะขึ้นๆ ลงๆ พอทีมที่เราแทงถูกยิง ใจจะตกวูบ เหมือนเราไปเล่นเครื่องเล่นที่ตกจากที่สูงมากๆ ปี๊ดเลย ใจตก เสียว จากนั้นเราก็จะลุ้นว่าเมื่อไหร่จะยิงเสมอได้ ถ้าเสมอได้ก็จะเริ่มคลายมานิดหนึ่ง ลุ้นว่าเมื่อไหร่จะนำได้ ถ้านำได้ก็ดีใจปี๊ดเลย ตื่นเต้น มันจะขึ้นลงทั้งคืน ผมรู้สึกว่าหัวใจผมทำงานหนักมากตอนนั้น”

 

แต่แคนยังคงใช้เวลาในโรงเรียนจันทร์ถึงศุกร์หมดไปกับการอ่านข้อมูลการแข่งขันจากหนังสือพิมพ์ ประมวลผล วิเคราะห์ เพื่อยื่นให้กับเด็กเดินโพยในเย็นวันศุกร์ แคนยอมรับว่าห้วงเวลานั้น ในหัวเขามีแต่ลูกฟุตบอลกลิ้งไปมา กระทั่งไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอื่น จากลูกค้าธรรมดาจึงก้าวสู่การเป็นลูกค้าชั้นดีของโต๊ะบอลแห่งนั้น

 

“ผมเล่นบ่อย ไม่เคยเบี้ยว เขาก็ให้เครดิตไปเรื่อยๆ จาก 1 อาทิตย์เคลียร์ครั้งหนึ่งทุกวันจันทร์เป็น 2 อาทิตย์ จนท้ายที่สุด ผมคุยผ่านคนเดินโพยว่าจะขอจ่ายทุกสิ้นเดือนนะ คนเดินโพยก็ต่อไปที่โต๊ะ แล้วก็บอกว่า โอเค ไม่มีปัญหา จนท้ายที่สุด ผมได้เครดิตเดือนหนึ่ง”

 

ดังที่นักวิจัยเคยอธิบายไว้ การเล่นพนันบอลแบบจ่ายจริง เจ็บจริง มักไม่ใช่ปัญหา แต่การเล่นแบบให้เครดิตต่างหากคือต้นตอและเชื้อร้าย แคนเล่าว่ามันเป็นเทคนิคของเจ้าของโต๊ะบอลที่ล่อใจให้เล่น แทงปากเปล่า ไม่ต้องถือเงินสด มันง่ายมากที่ความโลภจะครอบงำ

 

แคนยอมรับว่า “แทงเครดิตคือปัญหา แล้วการขยายเครดิตยิ่งทำให้เราแทงกันปากเปล่า เงิน 10,000 บาท เหมือน 10 บาท”

 

เงินสด 4 หมื่นในมือเด็กม.4 พร้อมเนรมิตทุกอย่าง

 

จาก 50 บาท ขยับเป็น 500 บาท โชคยังยืนข้างแคน เขาได้เงินจากพนันบอลชนิดไม่รู้จักคำว่าขาดทุน เคยเล่นได้สูงสุดคือ 40,000 บาท เด็กเดินโพยเดินถือเงินสด 40,000 บาทมาจ่าย นึกภาพดูว่า เมื่อ 15 ปีที่แล้วเงินจำนวนนี้กับเด็ก ม.4 นับว่ามหาศาลมาก แคนนึกถึงกีตาร์ตัวงามที่อยากได้ รองเท้าฟุตบอลดีๆ สักคู่ สเก็ตบอร์ด เกมส์ ฯลฯ ทุกอย่างที่เงินซื้อได้ รวมถึงความสนุกสนานและมิตรภาพ

 

“คิดแบบเด็กๆ ว่าเราอยากได้อะไร เราก็จะซื้อ อยากได้รองเท้าแอร์วอล์ค ก็จะซื้อ ไอ้ที่จะคิดเก็บเป็นทุนการศึกษา ไม่มีเลย ไม่มีคิดอะไรที่เป็นเรื่องดีเลย” มันคือความรู้สึกของเด็ก ม.4 ที่กำเงินสด 40,000 บาทไว้ในมือ

 

ด้วยความเป็นที่คนมีโลกส่วนตัวประมาณหนึ่ง และทางบ้านไว้อกไว้ใจ แม่ของแคนจึงไม่ระแคะระคายว่า ลูกชายกำลังติดการพนันขั้นร้ายแรง

 

เล่นมือหนักแต่โชคเริ่มไม่เข้าข้าง

 

ชัยชนะในการพนันอาศัยโชคชะตาล้วนๆ จึงไม่มีใครเป็นผู้ชนะตลอดกาล แคนไม่ใช่ข้อยกเว้น หลังจากได้กำไรต่อเนื่อง ความอยากได้ อยากมี เผาผลาญตัวแคนเอง ปีศาจกระซิบให้แคนแทงหนักขึ้นเพื่อเอาเงินมาซื้อความสุขของเด็ก ม.4 จากคู่ละ 500 กลายเป็น 1,000 บาท

 

จากไม่เคยขาดทุนเลย เต็มที่ก็แค่เจ๊ากันไป น่าแปลก วงเงินเดิมพันยิ่งสูง โชคชะตาก็ยิ่งหนีหาย การวิเคราะห์ที่เคยแม่นยำของแคนชักคลาดเคลื่อน เท่าทุนเริ่มเปลี่ยนเป็นเข้าเนื้อ แคนก็เหมือนกับนักพนันทั่วไป การขาดทุนไม่ช่วยให้ชะงักหรือเตือนตัวเอง แต่มันตรงกันข้าม

 

“ผมมีเงินก้อนหนึ่ง ผมจึงมั่นใจว่ามีเงินเสียให้เขาได้ ผมก็เล่นคู่ละ 5,000 บาท เริ่มเสีย ไม่เจ๊า แทง 5 คู่ เสีย 3 คู่ ได้ 2 หรือเสีย 2 ได้ 3 ไม่ใช่แล้ว แพ้รวดหมดเลย แต่มันก็ยังเป็นเครดิตอยู่ ผมยังสามารถแก้มือ กะเอาคืน เป็นความรู้สึกของคนที่เล่นเสีย แล้วอยากเอาคืน ผมว่านี่แหละที่ทำให้หน้ามืด ตอนนั้นไม่คิดเลยว่าถ้าเสียจะเอาเงินมาจากไหนมาจ่าย คิดแค่ว่าแทงหนักๆ เพื่อให้ได้เงินคืนมา แทง 2-3 คู่ คู่ละ 20,000 บาท สุดท้ายที่ผมจำได้ว่า ผมต้องจ่ายให้โต๊ะ 90,000 บาท ตอนนั้นไม่รู้ว่าจะทำยังไงเหมือนกัน คือมันเสียสะสมไปเรื่อยๆ จนถึงลิมิต จนโต๊ะบอกว่า นายพอได้แล้วนะ เคลียร์ก่อนดีกว่ามั้ย แต่ก่อนหน้านั้น ผมคิดอย่างเดียวว่าต้องแทงเพิ่มเพื่อถอนทุนกลับคืนมา”

 

อวสานมาถึง-ไม่มีความลับในโลก

 

ระหว่างนั้น เงินจากการพนันบอลที่แคนสะสมไว้ได้ 30,000 บาท เหือดหายไปแล้ว กีตาร์ รองเท้าบาสฯ รองเท้าฟุตบอล เกม ค่อยๆ ทยอยขายต่อให้เพื่อนๆ นอกวงพนันบอลในโรงเรียน เพื่อนๆ ก็รู้ว่าแคนจะเอาเงินไปทำอะไร ถามว่าเสียดายหรือเปล่า แคนตอบว่า ไม่ เพราะมันได้มาง่าย การจากไปจึงไม่ได้ทิ้งสิ่งตกค้างมากนัก

 

ไม่ใช่แคนคนเดียวที่ติดหนี้ เพื่อนๆ ในกลุ่ม 10 กว่าคนเผชิญภาวะเดียวกับแคน บางคนติดหนี้อยู่แสนกว่าบาท

 

“ผมเครียดเลยครับ ไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง ไม่ได้บอกทางบ้าน ยังคิดเลยว่าจะยืมเงินจากเพื่อน ผมก็ถ่วงเวลาไปเรื่อย โต๊ะบอลโทรมาก็เลี่ยงไม่คุย โทรไปที่บ้าน ผมเป็นคนรับเอง เคลียร์ก่อนมั้ย คนที่โทรมาทวง ไม่เคยเห็นหน้า เสียงเหี้ยมมาก ตอนแรกก็พูดกันดีๆ เคลียร์ก่อนนะ แล้วค่อยมาเล่นกันใหม่ ผมบอกไปว่า ได้ๆๆ เฮีย เดี๋ยวผมหาเงินไปเคลียร์ให้นะ ก็เริ่มนัดวัน แต่ยังหาเงินให้ไม่ได้ ผมก็ไม่ได้ไปเคลียร์ เขาก็โทรมา เฮ้ย ว่าไง คุณเบี้ยวผมเหรอ จนหลังๆ ท้ายสุดที่ผมร้องไห้ตรงโทรศัพท์เลย คือเขาพูดว่า เฮ้ย คุณแคน ได้ข่าวว่าคุณเป็นลูกทหารเหรอ คุณรู้มั้ยว่าลูกปืนลูกไม่กี่บาท คุณน่าจะรู้นะ ผมวางโทรศัพท์แล้วร้องไห้ตรงนั้นเลย ที่บ้านก็เลยรู้”

 

สัญญากับแม่ขอจบแค่นี้

 

แคนยอมรับว่า มันเป็นโชคของเขาที่หนี้พนันบอล ไม่ได้ลากจูงชีวิตของเขาให้ตกต่ำไปในมุมอื่นอีก ทั้งเรื่องยาเสพติด อาชญากรรม หรือการขายบริการทางเพศ เหมือนคนเป็นหนี้พนันบอลในปัจจุบัน เลือกใช้เป็นทางออก เพื่อหลงวนเวียนอยู่ในวงจรมืดทึบยาวนาน

 

โชคดีที่แคนมีแม่ที่เข้าใจและนิ่งพอจะยอมรับความผิดพลาดของลูกชาย

 

“มันทำให้ผมตัดสินใจว่าจะไม่กลับไปเล่นมันอีก ผมเสียใจมาก ร้องไห้ สัญญากับแม่ว่าจะไม่เล่นอีก มันเหมือนเราโยนภาระไปให้เขา เอาสิ่งที่เราทำพลาดโยนไปให้คนอื่น หลังจากหยุดเล่น ชีวิตก็กลับมาสู่กิจวัตรปกติ หนังสือพิมพ์ซื้อแค่ฉบับเดียว ติดตามอยู่ เพื่อนๆ ก็เลิกเล่นหมด กลายเป็นมุกขำๆ กัน เฮ้ย คู่นี้แทงอะไรดีว่ะ ทุกอย่างเหมือนเป็นอดีตที่ผ่านไปแล้ว เราไม่อยากเอามาจำ”

 

แคนทำได้ตามที่สัญญา เพื่อนๆ คนอื่นในวงพนันบอลซึ่งมีฐานะดีกว่า ทางบ้านช่วยจัดการหนี้สินให้เหมือนแคน หลังจากนั้นทุกคนในกลุ่ม กลับไปเล่นฟุตบอลอย่างสนุกสนานเหมือนเดิม เตะบอล แต่ไม่แทงบอลอีกเลย กับเด็กเดินโพยผู้เป็นเพื่อนต่างห้องคนนั้นต่างเลิกร้างห่างไป ไม่ข้องเกี่ยวกันอีก

 

เหมือนที่มีใครสักคนกล่าวไว้ ชีวิตเป็นครูที่ดุดัน มันให้แบบทดสอบก่อน แล้วจึงให้บทเรียนในภายหลัง สำหรับแคนมันคือบทเรียนราคา 90,000 บาท เงินอาจไม่มากสำหรับแม่ ที่พร้อมจะแลกกับชีวิตลูกชาย แต่ราคาของมันแพงลิบ แคนถือว่าเป็นค่าประสบการณ์ ค่าบทเรียน ในช่วงระยะเวลาเพียง 3 เดือน

 

ชี้วันนี้น่าห่วงเพราะบอลแข่งมากขึ้น

 

จากอดีตสู่ปัจจุบัน แคนรู้แล้วว่า การเป็นเจ้ามือโต๊ะบอลเป็นธุรกิจที่เรียกได้ว่าไม่มีวันขาดทุน โต๊ะบอลมีสารพัดวิธีและพร้อมใช้ทุกวิธีเพื่อลดความเสี่ยง แคนบอกว่าเล่นไพ่ยังมีโอกาสได้มากกว่า เพราะอย่างน้อยคนเล่นยังมีโอกาสได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง และเมื่อมองถึงสถานการณ์พนันบอลในปัจจุบัน แคนบอกว่าน่ากลัวกว่ามาก เมื่อก่อนแข่งเพียง 3 วัน 3 ลีก ตอนนี้มีแข่งทุกวัน สารพัดลีก

 

“ผมว่ามันเกลื่อนมากเลยนะ ไม่รู้ว่าทำไมถึงผ่านไปได้ เข้าถึงง่ายมาก มีเครดิตเหมือนเดิม แต่มีให้เล่นเยอะขึ้น แทงกันบนอินเตอร์เน็ต อีกอย่างผมว่าสื่อก็เยอะเกินไป อย่างที่ผมบอกคือ ราคาในหนังสือพิมพ์กับราคาโต๊ะบอลราคาเดียวกัน ผมก็ไม่รู้ว่ามายังไง สมัยก่อนที่ผมเล่น เขาก็เอาราคามาจากหนังสือพิมพ์พวกนี้

 

ผมเล่าให้แฟนฟังว่า เราเคยผ่านเรื่องนี้มานะ เขาก็บอกว่าดูผมแล้วไม่น่าเชื่อว่าเด็ก ม.4 จะเสียขนาดนั้น เราก็มานั่งถกกันว่า ถ้าเป็นเด็กสมัยนี้จะขนาดไหน ซึ่งสื่อทุกอย่างออนไลน์ผ่านโลกเล็กๆ มาอยู่ในมือเรา จะไม่ยิ่งกว่าสมัยเราหรือ สมัยก่อนผมจะตรวจผลบอลต้องโทรไป 1800 อะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมด”

 

ทุกวันนี้ แคนเป็นชายหนุ่มวัย 30 สิบต้นๆ ที่มีหน้าที่การงานมั่นคงและเรียนรู้มามากพอที่จะไม่วกกลับไปหาการพนันบอลอีก เขาบอกว่าไม่เคยแม้แต่วอกแวกไหวเอน สิ่งที่ทำคือเตือนคนรอบข้างว่าอย่าถลำลึกเหมือนที่เขาเคย

 

“ผมซื้อประสบการณ์ที่แพงเหมือนกันนะ ผมไม่คิดว่ามันจะลงเอยแบบนี้ ตอนแรกแค่กะสนุกๆ แต่เล่นไปเล่นมา เปลี่ยนเป็นเราอยากได้เงิน จนผมไม่รู้ว่าจะเสียขนาดต้องทิ้งภาระให้แม่ เป็นประสบการณ์ที่แพง ดีที่ผมไม่ได้หลุดไปอย่างอื่นต่อ ถือว่าโชคดีไป”

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: