จัดขบวนรับปธน.โอบามา จี้‘ยิ่งลักษณ์’อย่าถก'ทีพีพี'

18 พ.ย. 2555 | อ่านแล้ว 1853 ครั้ง

 

 

เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ตัวแทนภาคประชาสังคมประกอบไปด้วย กลุ่มศึกษาเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch), เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย, คณะกรรมการองค์กรพัฒนาเอกชนด้านเอดส์, มูลนิธิเข้าถึงเอดส์, มูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์, เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก, ชมรมเพื่อนโรคไต, เครือข่ายเพื่อนมะเร็ง, มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค, มูลนิธิเภสัชชนบท, กลุ่มศึกษาปัญหายา, มูลนิธิชีววิถี, มูลนิธิบูรณะนิเวศ และมูลนิธิสุขภาพไทย เปิดการแถลงข่าวคัดค้านการประกาศเจตนารมณ์เข้าร่วมเจรจาความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ภาคพื้นแปซิฟิค หรือ TPP พร้อมทั้งจัดกิจกรรมต้อนรับประธานาธิบดี บารัค โอบามา ในการมาเยือนประเทศไทย ที่ด้านหน้าสนามบินดอนเมือง

 

นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ สมาชิกเอฟทีเอ ว็อทช์ เปิดเผยว่า รู้สึกยินดีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รับทราบถึงความห่วงใยของภาคส่วนต่าง ๆ ต่อความตกลง TPP จึงได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ยืนยันว่า จะไม่หยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุยกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ และจะจัดให้มีการศึกษาและรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน

 

 

             “เราเชื่อมั่นว่า นายกฯยิ่งลักษณ์ จะเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ ไม่พลิกลิ้น ไม่พูดอย่างทำอย่าง เพราะที่ผ่านมา ไทยมีประสบการณ์กับการที่นักการเมือง ไม่ว่าพรรคใดต่างก็มีพฤติกรรมที่เชื่อไม่ได้ การรับปากของนายกฯครั้งนี้ที่จะจัดให้มีการศึกษาและรับฟังความคิดเห็นต่อการเจรจาความตกลง TPP อย่างรอบด้าน ซึ่งนี้จะเป็นมติใหม่ของกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง เราหวังว่านายกฯยิ่งลักษณ์ จะมีวิจารณญาณในการชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียของ TPP และการเจรจาการค้าเสรีในกรอบอื่น ๆ ให้อยู่บนฐานประโยชน์สาธารณะ  ไม่ใช่แค่การส่งออกหรือการยื่นหมูยื่นแมวเพื่อคงสิทธิพิเศษ GSP ให้แก่ธุรกิจเท่านั้น” นายนิมิตร์กล่าว

 

 

 

 

นายนิมิตร์กล่าวต่อว่า ภาคประชาชนจะเดินหน้าตรวจสอบติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เราเป็นห่วงและเข้าใจว่า นายกฯเผชิญแรงกดดันจากกลุ่มธุรกิจส่งออกเยอะมาก ซึ่งพยายามทำให้การเจรจาไม่โปร่งใส ไม่มีส่วนร่วม จึงต้องติดตามให้ภาควิชาการ หน่วยงานที่กำกับดูแลต่างๆ สื่อมวลชน เข้ามาร่วมตรวจสอบและศึกษาอย่างเต็มที่ให้เป็นจุดยืนของประเทศเพื่อใช้ในความตกลงต่างๆที่มีลักษณะเดียวกัน

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ ภาคประชาสังคม 14 องค์กร ยังทำจดหมายเปิดผนึกถึงประธานาธิบดีบารัค โอบามา มีใจความว่า

 

พวกเราภาคประชาสังคมไทย ยินดีต้อนรับการเดินทางมาเยือนประเทศไทยของท่านครั้งนี้ เราทราบดีว่า ใน 3-4 ปีที่ผ่านมา สหรัฐฯได้เผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่ง ซึ่งท่านให้สัญญาประชาคมว่า จะเข้ามาจัดการเอาผิดกับพวกวอลล์สตรีท และให้ความสนใจกับเมนสตรีทที่ไม่ใช่พวกคนรวย 1เปอร์เซนต์ ขณะเดียวกัน คนอเมริกันมากกว่า 50 ล้านคนเข้าไม่ถึงการรักษา สหรัฐฯเป็นประเทศพัฒนาแล้วเพียงประเทศเดียวที่ไม่มีระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งท่านก็รับปากว่าจะใช้ ObamaCare ทำให้พวกเขาเข้าถึงการรักษา

 

อย่างไรก็ตาม การที่ท่านพยายามผลักดันความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ภาคพื้นแปซิฟิค (TPP) โดยชักชวนประเทศไทยให้เข้าร่วมด้วยนั้น สวนทางกับสิ่งที่ท่านรับปากไว้กับประชาชนอเมริกันโดยสิ้นเชิง มิหนำซ้ำยังทำให้ประชาชนในประเทศต่างๆที่อยู่ในความตกลงนี้ต้องรับชะตากรรมเช่นเดียวกับอเมริกันชน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

จากเนื้อหาการเจรจาที่หลุดรอดออกมาสู่สาธารณะ ชี้ให้เห็นว่า ความตกลง TPP จะก่อให้เกิดผลกระทบดังนี้

 

- จะช่วยอุตสาหกรรมยาข้ามชาติถีบราคายาทั้งในและต่างประเทศให้สูงขึ้น และผูกขาดทำกำไร แต่เพียงเจ้าเดียวอย่างยาวนานยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีบทว่าด้วยยาที่จำกัดการต่อรองราคายา และทำลายความพยายามในการควบคุมการใช้ยาอย่างเหมาะสมในระบบสุขภาพ

 

- เพิ่มอำนาจบรรษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ให้ไปจัดการทำลายกฎหมายภายในประเทศต่างๆและนโยบายสาธารณะต่างๆที่ทำหน้าที่คุ้มครองสุขภาพประชาชนจากสินค้าทำลายสุขภาพ เช่น บุหรี่ และแอลกอฮอล์ และการรักษาสิ่งแวดล้อมและฐานทรัพยากรด้วยการฟ้องร้องผ่านอนุญาโตตุลาการ

 

- บ่อนทำลายความมั่นคงทางการเงินของประเทศ ด้วยการจำกัดสิทธิของประเทศในการใช้มาตรการและนโยบายเงินทุนเคลื่อนย้ายเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภค

 

- ทำลายเสรีภาพทางอินเตอร์เนตด้วยการสอดไส้เนื้อหาจำกัดสิทธิประชาชนในนามของการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ผ่านความตกลงนี้

 

- ทำลายหลักการว่าด้วยความโปร่งใสด้วยการปิดหูปิดตาสาธารณชน ไม่ให้ล่วงรู้เนื้อหาและผลกระทบที่จะเกิดจากความตกลงฯ แต่กลับอนุญาตให้ตัวแทนธุรกิจเข้าไปร่วมการเจรจา

 

จดหมายเปิดผนึกระบุต่อว่า เราตระหนักดีว่า PhRMA และอุตสาหกรรมยายักษ์ใหญ่ รวมทั้งบรรดาผู้ร้ายทางการเงินในวอลล์สตรีท เป็นผู้สนับสนุนทางการเงินรายใหญ่ ในการเลือกตั้งของท่าน พวกเขาให้เงินสนับสนุนท่าน ในการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งนี้ มากเสียยิ่งกว่าการเลือกตั้งเมื่อปี 2008 ท่านจึงต้องตระบัดสัตย์ต่อคนอเมริกัน ด้วยการเอาภาษีของประชาชนอุ้มธุรกิจของพวกเขา และสร้าง ObamaCare ที่อุตสาหกรรมยายังคงทำกำไรได้ต่อไป โดยที่อเมริกันชนได้ประโยชน์น้อยมาก

 

แต่จงอย่าใช้ชีวิตของประชาชนในประเทศของเรา เป็นเสมือนเสื้อชูชีพ ให้กับเศรษฐกิจที่ล้มเหลวของอเมริกัน หรือเป็นบรรณาการ ตอบแทนอำนาจเงินของทุนเหล่านี้ ที่ทำให้ท่านกลับมาทำเนียบขาวอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ไม่สามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนได้แม้แต่เรื่องเดียว

 

จงกลับไปทำตามคำมั่นสัญญา ที่ท่านให้ไว้กับประชาชน สร้างงานให้คนอเมริกัน ไม่ใช่ด้วยเลือดเนื้อของคนในชาติอื่น กำกับและควบคุมสถาบันการเงินและวาณิชธนกิจทั้งหลาย ไม่ใช่ปล่อยให้พวกมันมีอำนาจล้นฟ้า ควบคุมพฤติกรรมบริษัทยา ให้มีจริยธรรมและแสวงหากำไรแต่พอควร และสร้างความโปร่งใส เลิกปิดหูปิดตาประชาชน และที่สำคัญที่สุด จงเลิกคุกเข่ารับคำสั่งทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเรียกของพวกบรรษัทขนาดใหญ่ (stop hitting your knees on the floor when corporations knock on your door)”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

นอกจากนี้ยังได้จัดกิจกรรมการแสดงให้บุคคลสวมหน้ากากนายกรับมนตรีไทย และประธานาธิบดีสหรัฐฯ เซ็น TPP ร่วมกันจากนั้นคนที่อยู่รอบข้างผู้นำทั้งสองก็ทยอยล้มตาย โดยมีป้ายข้อความว่า TPP ชำเราประชาชนด้วยข้ออ้างเศรษฐกิจ และ US Hand off our medicines

 

นอกจากนี้ในจดหมายยังระบุถึง เหตุผล 9 ข้อว่า ทำไมถึงไม่เอาข้อตกลง “ทีพีพี” ของสหรัฐฯ

 

1.ทีพีพี เป็นข้อตกลงเขตการค้าเสรีรูปแบบใหม่ของสหรัฐฯ ที่จะทำให้เกิดการผูกขาดตลาดยาเพียงไม่กี่บริษัท และขยายการผูกขาดตลาดให้ยาวนานเกินกว่า 20 ปี ซึ่งจะมีผลทำให้ยามีราคาแพงขึ้นอย่างมหาศาล

2.ทีพีพี จะผูกมัดไม่ประเทศคู่ค้าสามารถต่อรองราคายาได้ และไม่ยอมให้มีกลไกควบคุมราคายาและการใช้ยาอย่างเหมาะสมที่จะกระทบผลกำไรของบรรษัทยาข้ามชาติ

3.ทีพีพี จะทำให้ประเทศคู่เจรจาไม่สามารถนำมาตรการยืดหยุ่นด้านทรัพย์สินทางปัญญา เช่น ซีแอล มาใช้เพื่อปกป้องหรือแก้ไขปัญหาการขาดแคลนยาจำเป็นในราคาที่เหมาะสมของประเทศได้

4.ทีพีพี จะทำให้บรรษัทข้ามชาติสามารถแทรกแซงหรือยับยั้งนโยบายหรือการออกกฎหมายภายในประเทศที่คุ้มครองสุขภาพประชาชนจากสินค้าทำลายสุขภาพ เช่น บุหรี่ และแอลกอฮอล์ และการรักษาสิ่งแวดล้อมและฐานทรัพยากร

5.ทีพีพี เป็นการริบรอนอธิปไตยทางศาลของประเทศคู่ค้า เพราะบรรษัทข้ามชาติสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายหรือให้มีการยกเลิกนโยบายหรือกฎหมายที่ทำให้ผลกำไรของบรรษัทฯ เสียหาย ถึงแม้ว่านโยบายหรือกฎหมายเหล่านั้นจะมีเพื่อคุ้มครองสุขภาพและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนก็ตาม ซึ่งจะตัดสินโดย “คณะอนุญาโตตุลาการ” ภายนอกประเทศ

6.ทีพีพี เป็นข้อตกลงการค้าที่บ่อนทำลายความมั่นคงทางการเงิน เพราะจะจำกัดสิทธิของประเทศในการใช้มาตรการและนโยบายควบคุมการเคลื่อนย้ายเงินทุน เพื่อรักษาความมั่นคงทางการเงินและการคลังและทางเศรษฐกิจของประเทศ

7.ทีพีพี จะทำให้ต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรสูงขึ้น เพราะมีการผูกขาดเมล็ดพันธุ์และอนุญาติให้มีการจดสิทธิบัตรพันธุ์พืชพันธุ์สัตว์ได้ ทำให้เกษตรกรต้องพึ่งพาเมล็ดพันธุ์หรือพันธุ์สัตว์ของบรรษัทยักษ์ใหญ่และไม่สามารถใช้ขยายพันธุ์ต่อได้

8.ทีพีพี จะจำกัดสิทธิ์ทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลในโลกอินเตอร์เน็ตได้อย่างเสรีอีกต่อไป

9.ทีพีพี เป็นการเจรจาที่ไม่โปร่งใส เพราะกำหนดให้การเจรจาจะต้องกระทำอย่างเป็นความลับ ไม่ให้เผยแพร่เนื้อหาการเจรจาให้ภายนอกได้รับรู้ก่อนการเจรจาจะเสร็จสิ้นหรือมีการตกลงกัน

 

ทีพีพี คือ ข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจในภูมิภาคแปซิฟิก (Trans-Pacific Partnership Agreement) ที่มีประเทศสหรัฐฯ เป็นแกนนำริเริ่มและผลักดันให้เกิดการเจรจา  หรืออีกนัยหนึ่ง ทีพีพี คือ ข้อตกลงเขตการค้าเสรี (Free Trade Agreement, FTA) หรือ เอฟทีเอ ที่สหรัฐฯ เคยพยายามกดดันให้ไทยเจรจาและเซ็นข้อตกลงด้วยแต่ไม่สำเร็จ

  

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: