บิ๊กเนม อสังหาฯกวาดกว่าแสนล้าน เปิดทำเลทอง 22โครงการ ทั่วปท. หวั่น‘ใบจอง’ทำเกิดต้มยำกุ้งรอบ2

ทีมข่าว ศูนย์ข่าว TCIJ 15 พ.ย. 2555 | อ่านแล้ว 1899 ครั้ง

 

จากความร้อนแรงของกระแสคอนโดมิเนียม ที่เปิดกันทั่วกรุงเทพฯและหัวเมืองใหญ่ ๆ ทั่วประเทศ ทำให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ระดับท็อป 5 ของเมืองไทย ที่แทบไม่เคยชำเลืองตลาดคอนโด ฯ มาก่อน ต้องหันมามองอย่างสนใจ และขึ้นโครงการใหม่ ๆ จำนวนมาก หันไปทางไหนเห็นแต่การก่อสร้างตึกสูงไม่ต่ำกว่า 20 ชั้นเต็มไปหมด

 

 

บิ๊กแบรนด์กวาดยอดแสนล้าน

 

 

การเติบโตอย่างรวดเร็วและกระแสความต้องการคอนโดมิเนียม สร้างความเย้ายวน จนทำให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายราย ที่แทบไม่เคยมองตลาดคอนโดฯมาก่อน อดรนทนไม่ได้ต้องกระโดดเข้าร่วมวงในธุรกิจนี้ด้วย ที่น่าสนใจเช่น ‘พฤกษา เรียลเอสเตท’ เจ้าตลาดทาวน์เฮาส์ราคาถูก เน้นทำเลชานเมืองในชื่อ‘บ้านพฤกษา’ ใช้เวลาเพียงไม่กี่ปี เติบโตเทียบชั้นรุ่นพี่ได้สบาย ๆ ก่อนขยายไลน์มาทำตลาดบ้านเดี่ยวราคาปานกลางเพิ่มอีก

 

ส่วนพี่เบิ้มอย่าง ‘แลนด์แอนด์เฮาส์’ ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อบ้านราคาแพงอยู่แล้ว จุดเริ่มจะมาจากทาวน์เฮาส์ก่อนขยับขยายเป็นบ้านเดี่ยวราคาปานกลาง-สูง ก่อนจับโครงการราคาแพงแบบพรีเมี่ยม อีกค่ายที่เน้นบ้านหรูราคาแพงสุด ๆ คือ ‘แสนสิริ’ และมีคอนโดฯอยู่บ้าง แต่เมื่อตลาดคอนโดมิเนียม เติบโตอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้ 3 ค่ายกระโดดเข้ามาแบบเต็มตัว ขอร่วมแชร์ส่วนแบ่งการตลาดด้วยเช่นกัน

 

ค่ายพฤกษา เน้นใช้โมเดลเดิมที่ทำให้แจ้งเกิดในวงการตลาดอสังหาริมทรัพย์ มีคอนโดมิเนียมราคาถูก อาทิ พลัม คอนโดฯ ย่านลาดพร้าว 101 เริ่มต้นเพียง 7.99 แสนบาท หรือพลัม บางแค เริ่มต้นที่ 8.9 แสนบาท แต่ก็มีคอนโดมิเนียมราคาปานกลางค่อนข้างสูง แต่ทำเลเด่น ๆ ให้เลือกเช่น ไอวี่ ทองหล่อ 4.29 ล้านบาท

 

ค่ายแลนด์แอนด์เฮ้าส์ มีแบรนด์คอนโดมิเนียมหลัก 2 แบรนด์คือ เดอะคีย์ ที่สร้างเสร็จพร้อมขายคือพื้นที่แจ้งวัฒนะ และประชาชื่น ราคาล้านปลาย ๆ ถึง 2 ล้านต้น ๆ และจ่อเปิดอีกหลายพื้นที่ ส่วนอีกแบรนด์จับตลาดบนคือ เดอะรูม ราคา 4 ล้านบาทขึ้นไป ทำเลเน้นกลางเมืองเช่นสุขุมวิท 21 สุขุมวิท 40 และใกล้สถานีบีทีเอส วงเวียนใหญ่

 

ส่วนแสนสิริ เคยจับตลาดคอนโดมมิเนียมมาก่อน ดูจะได้เปรียบที่สุดใน 3 เจ้า เปิดตัวใหม่และมีคิวเปิดตัวเกิน 20 โครงการทั้งกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด

 

ด้วยความร้อนแรงของคอนโดมิเนียมที่บิ๊กแบรนด์กระโดดเข้ามาร่วม ประกอบกับบ้านแนวราบ ยังพอขายได้ในบางพื้นที่ ทำให้ผลประกอบการครึ่งปีแรกทะลุหมื่นล้านทั้ง 3 เจ้า และหากรวมกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ระดับท็อป 10 ของไทย มียอดขายรวมกันเฉียด ๆ แสนล้านบาท

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

‘พฤกษา-แลนด์ฯ-แสนสิริ’ อู้ฟู่

 

 

ผลประกอบการครึ่งปีแรก ที่ประกาศออกมาอันดับที่ 1, 2 และ 3 เป็นเจ้าเดิมนำโดย พฤกษา เรียลเอสเตท มียอดรับรายได้สูงสุด 11,543 ล้านบาท ตามมาด้วยแลนด์ แอนด์ เฮาส์ 10,621 ล้านบาท และแสนสิริ ตามมาแบบหายใจรดต้นคอที่ 10,160 ล้านบาท แต่แสนสิริมีแนวโน้มว่าจะแซงได้ในช่วงท้าย เพราะพร้อมประกาศเป้ารับรายได้ทั้งปี 28,000 ล้านบาท เนื่องจากมีโครงการบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียม มากที่สุดกว่า 20 โครงการนั่นเอง

 

ส่วนบริษัทอสังหาริมทรัพย์ระดับรอง ๆ ลงมา ต่างก็ได้อานิสงส์จากการเติบโตของคอนโดมิเนียม อาทิ เอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (เอพี) ควอลิตี้เฮ้าส์ (คิวเฮ้าส์) ศุภาลัย และแอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์

 

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) เจ้าพ่อตลาดคอนโดฯ ขนาดกลางรายใหญ่ที่สุด และได้รับความสำเร็จมากที่สุด ในเกือบทุกโครงการที่เปิดขายในชื่อ 'ลุมพินี' มองว่า ภายในสิ้นปีนี้จะมีรายได้รวม 13,000 ล้านบาท ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา สามารถทำยอดรายได้แล้ว 3,300 ล้านบาท กำไรสุทธิ 441.40 ล้านบาท ส่วนที่เหลือคาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลัง จะโอนส่งมอบให้กับลูกค้าอีก 5 โครงการ มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท เติบโต 5 เปอร์เซนต์ จากรายได้ 12,400 ล้านบาทในปี 2554

 

 

                   “ในปี 2556 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจหลัก การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวสูงในโครงการคอนโดมิเนียม มีแผนลงทุนพัฒนาคอนโดมเนียมใหม่ 10 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 17,000 ล้านบาท ซึ่งจะผลักดันให้ยอดรายได้ของแอลพีเอ็นในปีหน้า เติบโตประมาณ 10 เปอร์เซนต์” นายโอภาสกล่าวและว่า นอกจากแผนพัฒนาคอนโดมิเนียมใหม่แล้ว แอลพีเอ็นยังได้เตรียมเงินทุนกว่า 3,000 ล้านบาท สำหรับซื้อที่ดินเพื่อนำมาพัฒนาโครงการดังกล่าว โดยในจำนวนนี้ จะมีการขยายทำเลในต่างจังหวัดด้วย คือที่ชลบุรี พัทยา หัวหิน และชะอำ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

9เดือนแรกเปิดตัว46,000หน่วย

 

 

นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) มองภาพรวมการเปิดตัวโครงการใหม่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑลในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (มกราคมถึงกันยายน) เฉพาะคอนโดฯ มีจำนวนประมาณ 46,000 หน่วย เพิ่มขึ้น 42 เปอร์เซนต์ เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปี 2554 บ้านจัดสรรเปิดใหม่เพียงประมาณ 24,000 หน่วย ลดลง 29 เปอร์เซนต์ จากยอดเดิมที่ 34,000 หน่วย

 

คอนโดมิเนียมขนาดยอดนิยมคือต่ำกว่า 26 ตารางเมตร ประมาณ 18,000 หน่วย ขนาด 26-30 ตารางเมตรประมาณ 11,000 หน่วย ที่เหลือเป็นขนาดเกิน 30 ตารางเมตร ส่วนใหญ่มาจากความต้องการซื้อเป็นบ้านหลังแรกและบ้านหลังที่สอง ที่เหลือประมาณ 10-15 เปอร์เซนต์ เป็นการลงทุนปล่อยเช่า หรือเก็งกำไร

 

 

                    “ปี 2555 เป็นปีที่เห็นความชัดเจนของการขยายฐานการลงทุนของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ รายใหญ่ในตลาดต่างจังหวัด ทั้งโครงการบ้านจัดสรรในพื้นที่จังหวัดสำคัญของภาคอีสาน เช่น ขอนแก่น นครราชสีมา อุดรธานี ชลบุรีฝั่งถนน ส่วนโครงการคอนโดมิเนียม ในพื้นที่ซึ่งที่ดินมีราคาแพงกว่า เช่น ชลบุรีฝั่งทะเล หัวหิน-ชะอำ ภูเก็ต และหาดใหญ่ เป็นต้น ส่วนใหญ่สามารถปิดการขายได้ ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การตลาดของผู้ประกอบการแต่ละบริษัทฯ”

 

 

นายสัมมากล่าวต่อว่า จากผลสำรวจไม่ใช่ทุกพื้นที่จะขายดีทั้งหมด เพราะในบางแห่งเกิดปัญหาล้นตลาดเพราะเปิดแข่งกันมาก เช่นเขตห้วยขวาง, จตุจักร, ดินแดง, สุขุมวิทตอนปลาย, สมุทรปราการ และจ.ชลบุรี ส่วนภาพรวมราคาขายในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาระหว่างกรกฎาคม 2554-มิถุนายน 2555 คอนโดมิเนียมปรับเพิ่มขึ้น 6.4 เปอร์เซนต์ ทาวน์เฮาส์ประมาณ 4.7 เปอร์เซนต์ และราคาบ้านเดี่ยวประมาณ 3.3 เปอร์เซนต์ อย่างไรก็ตามอาจมีบางโครงการที่ราคาปรับเพิ่มสูงขึ้นตามกลยุทธ์การขาย ซึ่งอาจเปิดให้จองในราคาต่ำ แต่ปรับราคาเพิ่มขึ้น เมื่อก่อสร้างใกล้เสร็จหรือก่อสร้างแล้วเสร็จ

 

 

เปิดรายชื่อคอนโดฯทำเลเด่น

 

 

จากตัวเลขการเปิดคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ ๆ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 ที่มากถึง 46,000 หน่วย มาตรวจสอบกันว่าคอนโดฯของแต่ละบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่มีอะไรที่น่าสนใจมาก

 

เริ่มจากเจ้าตลาดคอนโดมิเนียมขนาดกลางและขนาดสูงคือ แสนสิริ พบว่า ตั้งแต่ต้นปีวางแผนเปิดมากถึง 22 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯและเมืองท่องเที่ยว ในจำนวนนี้มีทั้งสร้างแล้วเสร็จ เป็นโครงการ และอยู่ระหว่างก่อสร้างประกอบด้วย

 

1.ดีคอนโด กะทู้-ป่าตอง จ.ภูเก็ต เป็นคอนโด สูง 8 ชั้น 3 อาคาร จำนวน 653 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 999,000 บาท 2.คอนโด HQ Thonglor ในซอยทองหล่อ เป็นคอนโด สูง 36 ชั้น จำนวน 197 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 4.7 ล้านบาท 3.เดอะ เบส (The Base) พระราม 9 - รามคำแหง บริเวณแยกพระราม 9 - รามคำแหง (ตึก Avon เก่า) เป็นคอนโดมิเนียม สูง 35 ชั้น บนพื้นที่กว่า 5 ไร่ จำนวน 924 ยูนิต 4.ดี คอนโด (D Condo) รามคำแหง 64 เป็นคอนโดมิเนียม สูง 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 486 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.1 ล้านบาท 5.ดี คอนโด รัตนาธิเบศร์ บนที่ดินกว่า 13 ไร่ ใกล้แยกไทรม้า เป็นคอนโดมิเนียม สูง 8 ชั้น 6 อาคาร จำนวน 1,325 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 900,000 บาท

 

6.SARI สุขุมวิท 64 เป็นคอนโดมิเนียม สูง 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 192 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.5 ล้านบาท 7.คอนโด เชโลน่า เขาเต่า (Chelona Khao Tao) ริมหาดเขาเต่า หัวหิน เป็นคอนโดมิเนียม สูง 4 ชั้น 4 อาคาร และ สูง 7 ชั้น 1 อาคาร จำนวนทั้งหมด 174 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท 8.คอนโด บ้านคุ้นเคย หัวหิน เป็นคอนโดมิเนียม ตกแต่งพร้อมเฟอร์นิเจอร์ สูง 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 302 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท 9.คอนโด ซัมเมอร์ หัวหิน บนถ.หนองแก-เขาตะเกียบ เป็นคอนโดมิเนียม สูง 7 ชั้น จำนวน 150 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.39 ล้านบาท

 

10.คอนโด บ้านคู่เคียง หัวหิน เป็นคอนโดมิเนียม ตกแต่งพร้อมเฟอร์นิเจอร์ สูง 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 256 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท 11.คอนโด เดอะเบส ดาวน์ทาวน์ ภูเก็ต เป็นคอนโดมิเนียม สูง 7 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 311 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.9 ล้านบาท 12.ดีคอนโด ครีก ภูเก็ต เป็นคอนโดมิเนียม ตกแต่งพร้อมเฟอร์นิเจอร์ สูง 8 ชั้น 4 อาคาร ราคาเริ่มต้น 1.19 ล้านบาท 13.ดีคอนโด สาธุประดิษฐ์ 49 เป็นคอนโดมิเนียม สูง 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 396 ยูนิต ราคาเริ่มต้น พร้อมเฟอร์นิเจอร์ 1.7 ล้านบาท 14.คอนโด Via 31 ในซอยสุขุมวิท 31 เป็นคอนโดมิเนียม สูง 8 ชั้น 15.ดีคอนโด แคมปัส รีสอร์ท จ.เชียงใหม่ เป็นคอนโดมิเนียม สูง 6 ชั้น 3 อาคาร จำนวน 546 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.55 ล้านบาท

 

16.คอนโดมิเนียม บ้านอิ่มเอม หัวหิน เป็นคอนโด สูง 8 ชั้น จำนวน 172 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท 17.คอนโด ออทัมน์ หัวหิน (Autumn Hua Hin) 18.คอนโด บ้านแสนงาม หัวหิน 19.คอนโดมิเนียม บ้านปลายหาด วงศ์อมาตย์ พัทยา 20.คอนโด ไม้ขาว บีช ภูเก็ต 21.คอนโดมิเนียม The Base ลาดพร้าว 22.คอนโดมิเนียม ย่านสาทร-ตากสิน, พหลโยธิน, สะพานควาย และแนวต่อขยายเส้นทางรถไฟฟ้า

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

แอลพีเอ็นเปิดลุมพินี10โครงการ

 

 

บริษัทแอลพีเอ็น เจ้าของคอนโดมิเนียม ลุมพินี ถือว่าเป็นคอนโดมิเนียมยอดนิยม เพราะเลือกทำเลดี และออกแบบห้องได้ถูกใจผู้ซื้อ เพราะจะแยกห้องนอนต่างต่างหาก และมีครัวแยกเป็นสัดส่วน แถมยังมีชื่อในเรื่องการบริหารโครงการได้ดี เป็นที่ถูกใจของลูกบ้าน ปีนี้เปิดตัวรวม 10 โครงการ

 

1.คอนโด ลุมพินี สุขุมวิท 109 อยู่ปากซอยสันติคาม 7 เป็นคอนโดมิเนียม สูง 8 ชั้น ราคาเริ่มต้น 880,000 บาท 2.คอนโด ลุมพินี วิลล์ สุขุมวิท 77 โครงการ 2 ในซอยอ่อนนุช เป็นคอนโดมิเนียม สูง 16 ชั้น 2 อาคาร และ สูง 18 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 959 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1 ล้านบาท 3.คอนโด ลุมพินี พาร์ค รัตนาธิเบศร์-งามวงศ์วาน ในซอยรัตนาธิเบศร์ 26 (ซอยหมู่บ้านเกร็ดแก้ว 5) จำนวน 3,000 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1 ล้านบาท 4.คอนโด ลุมพินี วิลล์ ประชาชื่น-พงษ์เพชร 2 ติดกับโครงการที่ 1 บนถนนประชาชื่น เป็นคอนโดมิเนียม สูง 32 ชั้น 2 อาคาร ราคาเริ่มต้น 1 ล้านบาท 5.คอนโด ลุมพินี วิลล์ ศรีนครินทร์-บางนา ในซอยบางนา-ตราด 35 (ซอยสมิงราชาเทวะ) ราคาเริ่มต้น 1 ล้านบาท

 

6.ลุมพินี คอนโดทาวน์ ชลบุรี-สุขุมวิท ในเมือง จ.ชลบุรี ซอยเพชรบ้านสวน 16,18 ราคาเริ่มต้น 550,000 บาท 7.ลุมพินี วิลล์ รามคำแหง 60/2 ติดถนนรามคำแหง เป็นคอนโดมิเนียม สูง 25 ชั้น 1 อาคาร และ 15 ชั้น 2 อาคาร ราคาเริ่มต้น 1 ล้านบาท 8.คอนโด ลุมพินี เพลส บางแค-เพชรเกษม 9.คอนโด ลุมพินี สูท บริเวณ สุขุมวิท 24-พระราม 4 แขวงคลองเตย เขตพระโขนง บนพื้นที่ขนาด 3 ไร่ 2 งาน 22.5 ตารางวา

 10.คอนโด ย่านรัชดา-ลาดพร้าว

 

 

แลนด์ฯ-ศุภาลัยเน้นโครงการหรู

 

 

เบอร์ 1 ของวงการอสังหาฯ อย่างแลนด์แอนด์เฮาส์ แต่เพิ่งเข้ามาสู่วงการคอนโดมิเนียม เน้นตลาดบนเป็นหลัก คือ 1.คอนโด เดอะรูม สุขุมวิท 40 เป็นคอนโดมิเนียม สูง 8 ชั้น จำนวน 128 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 4 ล้านบาท 2.เดอะคีย์ สาทร ราชพฤกษ์ บนถ.ราชพฤกษ์ เป็นคอนโด สูง 23 ชั้น, 7 ชั้น และ 3 ชั้น ทั้งหมด 834 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2 ล้านบาท 3.คอนโด เดอะรูม บีทีเอส วงเวียนใหญ่ ติดสถานีรถไฟฟ้า BTS วงเวียนใหญ่ จำนวน 201 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 5 ล้านบาท 4.คอนโด เดอะรูม อารีย์

 

ส่วนศุภาลัย มี 2 โครงการหลัก ๆ คือคอนโด ศุภาลัย ปาร์ค @ ภูเก็ต ซิตี้ บนถ.นครใน จ.ภูเก็ต เป็นคอนโดมิเนียมสูง 15 ชั้น จำนวน 504 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1 ล้านบาทต้น ๆ และคอนโด ศุภาลัย วิสต้า แยกติวานนท์ บนถ.กรุงเทพฯ-นนท์ ใกล้สี่แยกติวานนท์ เป็นคอนโดมิเนียม สูง 34 ชั้น จำนวน 652 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1 ล้านบาทต้นๆ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ขายใบจองฮิตบวกเพิ่มหลักแสน

 

 

นอกจากรายใหญ่ ๆ แล้ว บริษัทขนาดกลางและเล็กที่เปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ กันจำนวนมาก ไม่เว้นแม้แต่บริษัทที่ไม่เคยจับตลาดคอนโดมิเนียมมาก่อน แต่มีที่ดินในทำเลเด่น ๆ ก็ยังขอร่วมวงด้วย

 

อีกประเด็นที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ เห็นจะเป็นการ ‘ซื้อขายใบจอง’ ที่เพิ่งกลับมาฮิตอีกครั้งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ในห้วงแรก ๆ เป็นเพราะการเปิดตัวโครงการต่าง ๆ มีไม่มากนัก แต่ความต้องการมีมากกว่าจึงมีผู้เสนอขายใบจอง ทว่าเป็นลักษณะการขายทิ้ง เพื่อไปหาซื้อบ้านแนวราบมากกว่าจะทำเพื่อเก็งกำไร กระทั่งมาใน 1-2 ปีที่ผ่านมา กระแสความต้องการคอนโดมิเนียมเพิ่มมากขึ้น บวกกับดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารอยู่ระดับต่ำ 2-3 เปอร์เซนต์ ทำให้มีคนแห่ไปเหมาจองคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ โดยเลือกห้องทำเลเด่น ๆ จากนั้นนำมาประกาศขายขอบวกราคาเพิ่มหลักหมื่นถึงหลักแสนบาท แล้วแต่ทำเลและราคาซื้อ

 

คอนโดมิเนียมส่วนใหญ่จะเปิดจองในราคาเพียง 5,000-10,000 บาท จากนั้นนัดทำสัญญาในอีก 1-2 เดือน และราคาผ่อนเงินดาวน์จะไม่สูงมากนัก เพื่อจูงใจลูกค้า ทำให้นักเก็งกำไรมีเวลามากพอที่จะขายใบจอง หรือหากขายไม่ทันและต้องเริ่มผ่อนดาวน์มักไม่มีปัญหา ยกเว้นคนที่จองไว้หลายห้องเกินไป

 

 

 

ยิ่งปัจจุบันเทคโนโลยีด้านอินเตอร์เน็ต กว้างไกลทำให้การติดต่อซื้อขายทำกันได้ง่าย บางเว็บไซต์เปิดห้องให้กับคอนโดมิเนียมที่เปิดใหม่ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหว รวมทั้งประกาศซื้อขายขอเพิ่มราคากันเห็น ๆ โดยคอนโดมิเนียมยอดนิยม ที่ซื้อขายใบจองมากที่สุดต้องยกให้ 'ลุมพินี' จากค่ายแอลพีเอ็น และ 'คอนโด รีเจนท์' ของบริษัท รีเจนท์กรีนเพาเวอร์ เพราะเป็นคอนโดมิเนียมราคาต่ำกว่าล้าน หรือล้านต้น ๆ หากเป็นทำเลเด่น ๆ บวกกันระดับ 40,000-60,000 บาท แต่หากเป็นคอนโดมิเนียมระดับ 2-3 ล้านขึ้นไปบวกเพิ่มกันนับแสนบาท และบางครั้งยังขายต่อเป็นทอดที่ 2-3 อีกด้วย

 

ด้วยโมเดลในลักษณะซื้อเก็งกำไรแล้วขายใบจองอย่างเป็นล่ำเป็นสัน บวกกับการเข้ามาของผู้เล่นหน้าใหม่ ๆ ที่ไม่เคยจับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาก่อน แต่ตามกระแสคอนโดมิเนียมที่กำลังมาแรง ทำให้เริ่มมีเสียงเตือนให้ระวังปัญหาฟองสบู่ เพราะการเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์ลักษณะเดียวกันนี้ เคยเกิดขึ้นมาแล้วช่วงปี 2530-2539 แต่เป็นตลาดบ้านแนวราบ ที่ดิน และสวนเกษตร ก่อนเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาในปี 2540 หรือ ‘วิกฤตต้มยำกุ้ง’

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: