กฎหมายเครื่องหมายการค้า(รวมกลิ่น-เสียง)– ประเทศออสเตรเลีย

13 พ.ย. 2555


 

1. ข้อมูลพื้นฐาน

      1. กฎหมายที่ให้ความคุ้มครอง

พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2538 (Trade Marks Act 1995)

      2. อนุสัญญาระหว่างประเทศ

-พิธีสารมาดริดว่าด้วยการจดทะเบียนเครื่องหมายสากล (Protocol Relating to the Madrid Agreement Concerning the International Registration of Marks)

-อนุสัญญากฎหมายเครื่องหมายการค้า (Trademark Law Treaty)

-ความตกลงกรุงนีสว่าด้วยการจัดจำพวกสินค้าและบริการสากลเพื่อวัตถุประสงค์ในการ        จดทะเบียนเครื่องหมาย ลงวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2500 แก้ไขเพิ่มเติมที่กรุงสต็อกโฮมลงวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2510 และที่กรุงเจนีวา ลงวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2520 (Nice Agreement concerning the International Classification of Goods and Services for the Purposes of the Registration of Marks of 15 June 1957, as revised at Stockholm on 14 July 1967 and at Geneva on 13 May 1977)

-การแลกเปลี่ยนบันทึกข้อตกลงระหว่างรัฐบาลประเทศออสเตรเลียและรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า (Exchange of Notes constituting an Agreement between the Government of Australia and the Government of the People's Republic of China concerning the Registration of Trade Marks)

        3. ระบบการให้ความคุ้มครอง

เครื่องหมายการค้าสามารถได้รับความคุ้มครองจากการจดทะเบียนภายใต้พระราชบัญญัติ       เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2538 หรืออาจได้รับความคุ้มครองจากการใช้ทางการค้าจนเครื่องหมายการค้านั้นเกิดลักษณะบ่งเฉพาะตามกฎหมายจารีตประเพณี (Common Law) เรื่องการลวงขาย และภายใต้พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติทางการค้า (Trade Practices Act)

แม้ว่าเครื่องหมายการค้าอาจได้รับความคุ้มครองโดยไม่มีการจดทะเบียนตามที่ได้กล่าวมา อย่างไรก็ตาม เจ้าของเครื่องหมายการค้าควรดำเนินการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของตน เพื่อใช้เป็นหลักฐานพิสูจน์ความเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า และเพื่อลดภาระการพิสูจน์ในเรื่องดังกล่าว

การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในประเทศออสเตรเลียเป็นระบบผู้ยื่นคำขอก่อนมีสิทธิดีกว่า (First to File System) ยกเว้นในกรณีมีการโต้แย้งสิทธิในเครื่องหมายการค้าที่ได้รับจดทะเบียน หรือกรณีใช้เป็น ข้อต่อสู้ในเรื่องการกระทำละเมิด

       4. สิ่งที่ได้รับความคุ้มครอง / นิยาม

            4.1 นิยาม / ความหมาย

สิ่งที่ได้รับความคุ้มครองภายใต้พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า ได้แก่ เครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายร่วม เครื่องหมายรับรอง และเครื่องหมายที่จดทะเบียนไว้เพื่อป้องกันสิทธิ (Defensive Mark)

 “เครื่องหมายการค้า” หมายถึง สัญลักษณ์ที่ใช้หรือที่มีเจตนาจะใช้ เพื่อแยกความ    แตกต่างของสินค้าหรือบริการที่ใช้ในทางการค้าของบุคคลหนึ่งออกจากสินค้าหรือบริการที่ใช้ในทางการค้าของอีกบุคคลอื่น

สัญลักษณ์ หมายถึง ตัวหนังสือ คำ ชื่อ ลายมือชื่อ ตัวเลข ภาพประดิษฐ์ ตรา หัวข้อ ฉลาก ตั๋ว บรรจุภัณฑ์ รูปร่าง สี เสียง กลิ่น หรือสิ่งเหล่านี้หลายอย่างรวมกัน

            4.2 เงื่อนไขของการได้รับความคุ้มครอง

            เครื่องหมายการค้าที่จะได้รับความคุ้มครองต้องเป็นเครื่องหมายที่สามารถแสดงออกมาเป็นภาพหรือการเขียน (Graphic) ได้ และสามารถใช้แยกความแตกต่างของสินค้าและ/หรือบริการของผู้ยื่น       คำขอบุคคลหนึ่ง ออกจากสินค้าและ/หรือบริการของอีกบุคคลอื่นได้ เครื่องหมายที่สามารถใช้แยกความแตกต่างของสินค้าและ/หรือบริการได้ หมายถึง เครื่องหมายที่สามารถปรับเพื่อให้แยกแยะความแตกต่างของสินค้าและบริการได้โดยตัวของเครื่องหมายเอง หรือเป็นเครื่องหมายที่ไม่สามารถปรับเพื่อให้แยกแยะความแตกต่างของ        สินค้าหรือบริการได้โดยตัวเอง แต่เครื่องหมายนั้นได้มีการใช้แล้วอย่างเพียงพอหรือมีเหตุอื่นที่ทำให้นายทะเบียนพิจารณาได้ว่าเครื่องหมายนั้นสามารถใช้แยกแยะความแตกต่างของแหล่งกำเนิดของสินค้าและ/หรือบริการได้ ณ วันยื่นคำขอจดทะเบียน

         5. ข้อยกเว้นของสิ่งที่ได้รับความคุ้มครอง

 เครื่องหมายการค้าที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ ต้องห้ามไม่ให้ใช้เป็นเครื่องหมายการค้า

- สิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ อาทิ คำว่า “สิทธิบัตร (patent)” “ลิขสิทธิ์ (copyright)” “EL rights” “ได้รับจดทะเบียนแล้ว (Registered)” หรือ “สัญลักษณ์ (R)” รวมทั้งสิ่งอื่นทำนองเดียวกันที่แสดงถึงสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา

-  ข้อความว่า “to counterfeit this is a forgery” (การปลอมแปลงคือการฉ้อโกง) หรือข้อความในลักษณะเดียวกัน

-  ภาพของตรา หรือ สัญลักษณ์ของนคร เมือง หน่วยงานราชการ หรือสถาบันของรัฐในประเทศออสเตรเลีย

-  ภาพของเครื่องหมายที่ต้องห้ามมิให้มีการจดทะเบียนตามความตกลงระหว่างประเทศ รวมทั้งธง สัญลักษณ์ ตรา เครื่องหมายที่แสดงความเห็นหรือคุณภาพของสิ่งของ และชื่อขององค์กรระหว่างประเทศ

-  สัญลักษณ์ตามที่กำหนดในระเบียบที่ออกภายใต้พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า

         6. สิทธิของเจ้าของเครื่องหมายการค้า

เจ้าของเครื่องหมายการค้ามีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการใช้เครื่องหมายการค้านั้นอย่างเครื่องหมายการค้า และมีสิทธิอนุญาตให้ผู้อื่นใช้เครื่องหมายการค้านั้นอย่างเครื่องหมายการค้า อีกทั้งยังมีสิทธิได้รับการเยียวยาในกรณีเครื่องหมายการค้าของตนถูกกระทำละเมิด

         7. ข้อยกเว้นสิทธิของเจ้าของเครื่องหมายการค้า / ข้อยกเว้นการละเมิดสิทธิ

การใช้เครื่องหมายการค้าในกรณีดังต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดเครื่องหมายการค้า

-  การใช้เครื่องหมายการค้าโดยผู้ได้รับอนุญาต โดยใช้กับสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องภายใต้ความควบคุมของเจ้าของเครื่องหมาย การควบคุมดังกล่าวอาจเป็นการควบคุมคุณภาพหรือการควบคุมทางการเงินในการประกอบการค้าของผู้ใช้ เครื่องหมายการค้านั้น

-  การใช้เครื่องหมายที่ไม่ใช่การใช้ในลักษณะเป็นเครื่องหมายการค้า

-  การใช้เครื่องหมายการค้าโดยเจ้าของหรือโดยผู้อื่นซึ่งได้รับความยินยอมจากเจ้าของ

-  การใช้เครื่องหมายการค้าจดทะเบียนโดยเจ้าของที่ต่างฝ่ายต่างได้รับจดทะเบียนในช่วงเวลาเดียวกัน

การใช้เครื่องหมายการค้าในลักษณะดังต่อไปนี้สามารถยกเป็นข้อต่อสู้ในการกระทำละเมิด             เครื่องหมายการค้า

-   การใช้ชื่อหรือที่อยู่ของสถานประกอบกิจการของตนโดยสุจริต

-   การใช้คำอธิบายถึงคุณลักษณะหรือคุณภาพ วัตถุประสงค์ แหล่งกำเนิด หรือลักษณะอื่นๆ ของสินค้าหรือบริการของตนโดยสุจริต

-   การใช้เพื่อบอกถึงวัตถุประสงค์ของสินค้าหรือบริการ  

-   การใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการโฆษณาเปรียบเทียบ

-   การใช้โดยอาศัยสิทธิตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้

-   การใช้โดยบุคคลที่อาจได้รับการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้นในชื่อของตนหากตนได้ยื่นคำขอจดทะเบียน

-   การใช้สัญลักษณ์ที่ไม่ก่อให้เกิดการละเมิดเครื่องหมายการค้า เนื่องจากมีเงื่อนไขหรือข้อจำกัดต่างๆ ในการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้น

-   การใช้ภาคส่วนที่มีการสละสิทธิการใช้แต่ผู้เดียวในเครื่องหมายการค้า

-   การใช้เครื่องหมายการค้ากับสินค้าหรือบริการของตนมาก่อนอย่างต่อเนื่องก่อน       การใช้หรือการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของผู้กล่าวหาว่าได้มีการกระทำละเมิด

          8. การโอนสิทธิ

               8.1 การจดทะเบียนการโอนสิทธิ

การโอนสิทธิความเป็นเจ้าของในเครื่องหมายการค้าต้องนำไปจดทะเบียนต่อนายทะเบียนโดยผู้โอนสิทธิและผู้รับโอนสิทธิ ทั้งนี้ ไม่มีการกำหนดระยะเวลาการยื่นคำขอจดทะเบียนการโอนสิทธิ อย่างไรก็ตาม ผู้โอนสิทธิและผู้รับโอนสิทธิควรดำเนินการจดทะเบียนในทันทีที่ได้มีการโอนสิทธิในเครื่องหมายการค้า ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการถูกเพิกถอนสิทธิในเครื่องหมายการค้าเนื่องจากไม่มีการใช้            เครื่องหมายโดยเจ้าของเครื่องหมายผู้จดทะเบียน และเพื่อทำให้มั่นใจว่าผู้ได้รับโอนสิทธิจะได้รับหนังสือแจ้งเตือนต่างๆ จากสำนักทะเบียน หากว่าได้มีการแจ้งเตือนเช่นว่านั้น

               8.2  ข้อมูล และเอกสารที่ใช้สำหรับการจดทะเบียนการโอนสิทธิ

แบบคำขอจดทะเบียนการโอนสิทธิต้องใช้แบบที่สำนักงานเครื่องหมายการค้าออสเตรเลียกำหนด ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดได้ที่ http://www.ipaustralia.com.au ทั้งนี้ ให้ยื่นแบบคำขอดังกล่าวพร้อมกับสำเนาเอกสารที่แสดงถึงการโอนสิทธิดังกล่าว อาทิ ตราสารหรือหนังสือการโอนสิทธิ เอกสารการควบรวมบริษัท คำแถลงที่เป็นลายลักษณ์อักษร เป็นต้น โดยสำเนาดังกล่าวไม่จำเป็นต้องมีการรับรองใดๆ

               8.3  ระยะเวลาในการจดทะเบียนการโอนสิทธิ

ไม่จำกัดระยะเวลา

                8.4 ค่าธรรมเนียมราชการ รวมทั้งค่าบริการของสำนักงานตัวแทน

ไม่มีค่าธรรมเนียมราชการ ส่วนค่าบริการของสำนักงานตัวแทนอยู่ที่ประมาณ 217 ดอลล่าร์สหรัฐสำหรับหนึ่งเครื่องหมาย และ 112 ดอลล่าร์สหรัฐสำหรับเครื่องหมายที่เพิ่มขึ้นแต่ละเครื่องหมาย   ค่าบริการนี้ไม่รวมถึงค่าบริการในการร่างเอกสารการโอนสิทธิซึ่งจะเรียกเก็บตามเวลาที่ใช้เป็นรายชั่วโมง

          9. การอนุญาตให้ใช้สิทธิ

                 9.1 การจดทะเบียน / จดแจ้งการอนุญาตให้ใช้สิทธิ

กฎหมายไม่บังคับให้ต้องจดทะเบียนหรือจดแจ้งการอนุญาตให้ใช้สิทธิ แต่ผู้ขอสามารถดำเนินการจดแจ้งได้

                  9.2 ข้อมูล และเอกสารที่ใช้สำหรับการจดทะเบียน / จดแจ้งการอนุญาตให้ใช้สิทธิ

รายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการจดแจ้งการอนุญาตให้ใช้สิทธิ อาทิ สำเนาสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ โดยสำเนาดังกล่าวไม่ต้องมีการรับรองใดๆ


                   9.3 ระยะเวลาในการจดทะเบียน / จดแจ้งการอนุญาตให้ใช้สิทธิ

ไม่มีการกำหนดระยะเวลา แต่โดยทั่วไปควรได้รับการจดแจ้งการอนุญาตให้ใช้สิทธิภายในประมาณ 3-4 สัปดาห์หลังจากยื่นคำขอ

                    9.4 ค่าธรรมเนียมราชการ รวมทั้งค่าบริการของสำนักงานตัวแทน

ไม่มีค่าธรรมเนียมราชการ ส่วนค่าบริการของสำนักงานตัวแทนอยู่ที่ประมาณ 252 ดอลล่าร์สหรัฐ ค่าบริการนี้ไม่รวมถึงค่าบริการในการร่างสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิซึ่งจะเรียกเก็บตามเวลาที่ใช้เป็นรายชั่วโมง

 

2. ขั้นตอนการขอรับความคุ้มครอง

           1. ขั้นตอนการขอจดทะเบียน

-  การยื่นคำขอจดทะเบียนและการชำระค่าธรรมเนียมการยื่นคำขอจดทะเบียน         

- การตรวจสอบคำขอและการออกรายงานผลการตรวจสอบคำขอ

             -  การอุทธรณ์ผลการตรวจสอบคำขอ

-  การรับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า              

-  การประกาศโฆษณารับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า

             -  การคัดค้านการจดทะเบียนและการนำส่งหลักฐานสนับสนุนการคัดค้าน

-  การโต้แย้งคำคัดค้านและการนำส่งหลักฐานสนับสนุนคำโต้แย้ง

-   การพิจารณาต่อหน้านายทะเบียน

-   การออกคำวินิจฉัยคำคัดค้าน

-    การชำระค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน

-    การประกาศโฆษณาเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียน

-     การออกหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียน

             2. การตรวจค้นเครื่องหมายการค้า

การตรวจค้นเครื่องหมายการค้าที่มีอยู่ก่อนก่อนการยื่นคำขอจดทะเบียนไม่ใช่เป็นสิ่งบังคับ อย่างไรก็ดี ผู้ขอจดทะเบียนควรทำการตรวจค้นดังกล่าวก่อนการยื่นคำขอ ข้อมูลการตรวจค้นดังกล่าวจะรวมอยู่ที่ฐานข้อมูลของสำนักงานเครื่องหมายการค้าออสเตรเลีย (Australian Trade Marks Office) ซึ่งจะรวมข้อมูลของเครื่องหมายการค้าทั้งที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาและที่ได้รับจดทะเบียนแล้ว

ผู้ต้องการขอจดทะเบียนอาจทำการตรวจค้นเครื่องหมายได้ทางเว็บไซต์ http://www.ipaustralia. gov.au/trademarks/searchatmoss./falcon.application_start โดยทั่วไปแล้วการตรวจค้นเครื่องหมายจะใช้เวลา 2-5 วัน

             3. การเตรียมคำขอ

                3.1  ข้อมูล และเอกสารที่เกี่ยวข้อง

ไม่มีแบบคำขอกำหนดอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติ ผู้ยื่นคำขอ    ส่วนใหญ่จะใช้ตัวอย่างแบบคำขอจดทะเบียนของสำนักงานเครื่องหมายการค้าประเทศออสเตรเลีย ซึ่งผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดได้ที่ http://www.ipaustralia.gov.au/pdfs/trademarks/tm00001.pdf ทั้งนี้ คำขอจดทะเบียน ต้องระบุข้อมูลดังต่อไปนี้

-  ชื่อและสถานที่ตั้งของสำนักงานใหญ่อย่างเป็นทางการของสถานประกอบการของผู้ขอจดทะเบียน หากผู้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ต้องระบุสถานะทางกฎหมายและสถานที่ก่อตั้งนิติบุคคลดังกล่าว

- รูปเครื่องหมายการค้าที่ชัดเจน

- สินค้าและ/หรือบริการที่ขอรับจดทะเบียน และ

-  ข้อมูลของคำขอในต่างประเทศที่ประสงค์จะขอถือสิทธิย้อนหลัง

หากเครื่องหมายการค้านั้นประกอบด้วยคำหรือตัวอักษรในภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ หรือตัวอักษรโรมัน ให้ยื่นคำแปลเป็นภาษาอังกฤษหรือตัวอักษรโรมันด้วย

                3.2  บุคคลผู้มีสิทธิยื่นคำขอ

ผู้ยื่นคำขออาจเป็นบุคคลธรรมดาหรืออาจเป็นบริษัทที่มีการจดทะเบียนหรือไม่ก็ได้

                3.3   ภาษาที่ใช้ในคำขอจดทะเบียน

ให้ใช้ภาษาอังกฤษในการยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า

                3.4    จำนวนและจำพวกสินค้าในคำขอจดทะเบียน

คำขอจดทะเบียน 1 คำขอสามารถขอจดทะเบียนคุ้มครองสินค้าและ/หรือบริการได้โดยไม่จำกัดจำพวก

            4. การยื่นคำขอ

                4.1 การยื่นคำขอผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

ผู้ขอจดทะเบียนสามารถยื่นคำขอจดทะเบียนผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้ การยื่นคำขอผ่านทางอินเตอร์เน็ตดังกล่าวเสียค่าธรรมเนียมราชการน้อยกว่าการยื่นคำขอในระบบปกติธรรมดา

                4.2  การยื่นเอกสารล่าช้า

พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าไม่ได้กำหนดขั้นตอนการยื่นขอขยายระยะเวลาในการยื่นเอกสารล่าช้าไว้ อย่างไรก็ตาม ผู้ขอจดทะเบียนอาจขอขยายระยะเวลาการยื่นเอกสารล่าช้าได้ โดยต้อง      นำส่งคำแถลงเป็นลายลักษณ์อักษรแสดงเหตุผลการยื่นเอกสารล่าช้านั้น

            5. การขอถือสิทธิย้อนหลัง

   5.1 หลักการ

การขอให้ถือวันที่ยื่นคำขอจดทะเบียนครั้งแรกในต่างประเทศเป็นวันยื่นขอจดทะเบียนครั้งแรกในประเทศออสเตรเลีย (Priority Claim) อาจทำได้ภายในเวลา 6 เดือน นับแต่วันยื่นคำขอครั้งแรกในต่างประเทศ คำขอจดทะเบียนครั้งแรกในต่างประเทศต้องประกอบด้วยเครื่องหมายการค้าและสินค้าและ/หรือบริการที่ครอบคลุมถึงสินค้าและบริการเดียวกันกับที่ยื่นขอจดทะเบียนในประเทศออสเตรเลีย

   5.2  ข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลที่ต้องใช้ในการขอถือสิทธินับวันยื่นย้อนหลัง คือ วันที่ยื่นคำขอ และประเทศที่ยื่นขอไว้ครั้งแรก ทั้งนี้ ผู้ขอจดทะเบียนไม่ต้องนำส่งสำเนาคำขอที่ยื่นไว้ครั้งแรก

            6. การตรวจสอบคำขอ

                6.1 การพิจารณาและปฏิเสธคำขอ

หากนายทะเบียนตรวจสอบคำขอแล้วเห็นควรให้รับจดทะเบียนก็จะออกหนังสือรับจดทะเบียนคำขอดังกล่าว หากเห็นว่าไม่ควรรับจดทะเบียนก็จะแจ้งผลการตรวจสอบคำขอ เรียกว่า “รายงานฉบับแรก” (First Report) ทั้งนี้ นายทะเบียนอาจปฏิเสธคำขอด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

- เครื่องหมายการค้าประกอบด้วยสัญลักษณ์ที่ต้องห้ามรับจดทะเบียน

- เครื่องหมายการค้าไม่สามารถใช้แสดงออกมาเป็นภาพหรือการเขียน (Graphic) ได้

- เครื่องหมายการค้าไม่สามารถใช้แยกความแตกต่างของสินค้าหรือบริการของผู้ขอจดทะเบียนกับสินค้าหรือบริการของผู้อื่นในจำพวกเดียวกัน

- เครื่องหมายการค้าที่ไม่สามารถปรับเพื่อให้แยกแยะความแตกต่างของ           สินค้าหรือบริการของผู้ขอจดทะเบียนและสินค้าหรือบริการของผู้อื่นได้

ข้อสังเกต : ผู้ยื่นคำขอสามารถโต้แย้งการปฏิเสธในสองกรณีหลังนี้ได้โดยการยื่น         หลักฐานการใช้

              6.2 การอุทธรณ์ผลการพิจารณาตรวจสอบคำขอ

ผู้ยื่นคำขอต้องดำเนินการอุทธรณ์ผลการตรวจสอบเพื่อให้คำขอของตนได้รับการ       จดทะเบียนภายในเวลา 15 เดือนนับแต่วันที่ได้รับรายงานฉบับแรก ทั้งนี้ ผู้ขอจดทะเบียนสามารถยื่นขอขยายระยะเวลาการดำเนินการดังกล่าวได้เป็นเวลาไม่เกิน 6 เดือนโดยไม่ต้องอ้างถึงเหตุแห่งการขอขยายระยะเวลา อย่างไรก็ดี ผู้ยื่นคำขอยังอาจยื่นขอขยายระยะเวลาออกไปได้อีกหลังจาก 6 เดือน โดยจะต้องอ้างเหตุอันสมควรในการขอขยายระยะเวลาดังกล่าวภายหลังจากที่มีคำวินิจฉัยอุทธรณ์แล้ว ผู้ยื่นคำขอสามารถยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยดังกล่าวต่อศาลยุติธรรมกลาง (Federal Court) ได้ภายใน 21 วันนับแต่วันที่มีคำวินิจฉัย

            7. การประกาศโฆษณาคำขอจดทะเบียน

การประกาศโฆษณาจะมีขึ้นหลังจากเครื่องหมายการค้าได้รับจดทะเบียนแล้ว โดยจะทำการประกาศในวารสารราชการ (Official Journal) เพื่อเปิดโอกาสถ้ามีการคัดค้าน ทั้งนี้ บุคคลทั่วไปสามารถดูรายละเอียดของการประกาศโฆษณาได้ที่ http://pericles.ipaustralia.gov.au/atmoss/falcon.application_start

            8. การคัดค้าน / โต้แย้ง

                8.1 ระยะเวลาในการยื่นคำคัดค้าน

การคัดค้านการจดทะเบียนสามารถทำได้ภายในเวลา 3 เดือนนับแต่วันประกาศโฆษณาในวารสารราชการ และสามารถขอขยายเวลาการยื่นคำคัดค้านได้อีก 3 เดือน โดยต้องดำเนินการภายในกำหนดเวลา 3 เดือนแรก ด้วยเหตุหนึ่งเหตุใดดังต่อไปนี้

- เจ้าหน้าที่เครื่องหมายการค้าได้กระทำการผิดพลาดหรือละเลย

- มีเหตุผิดพลาดในการขอขยายระยะเวลาโดยตัวผู้ขอนั้นเองหรือตัวแทน

- มีเหตุสุดวิสัยที่ผู้ยื่นขอขยายระยะเวลาไม่สามารถควบคุมได้

อย่างไรก็ดี นายทะเบียนอาจอนุญาตให้มีการขยายระยะเวลาการคัดค้านได้แม้ว่ากำหนดระยะเวลา 3 เดือนแรกได้สิ้นสุดลงแล้ว หากเห็นว่าเครื่องหมายการค้าที่ประสงค์จะทำการคัดค้านยังไม่ได้รับจดทะเบียนและมีเหตุผลตามข้อใดข้อหนึ่งดังที่กล่าวในข้างต้น

                8.2  เหตุแห่งการคัดค้าน

ผู้คัดค้านอาจร้องคัดค้านการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าด้วยเหตุดังต่อไปนี้

- เครื่องหมายการค้าไม่สามารถใช้แยกความแตกต่างของสินค้าหรือบริการได้

- เครื่องหมายการค้าขัดต่อศีลธรรมอันดีงามหรือขัดต่อกฎหมาย

- เครื่องหมายการค้านั้นอาจหลอกลวงหรือทำให้สาธารณชนสับสน

- เครื่องหมายการค้าขัดแย้งกับเครื่องหมายการค้าที่มีอยู่ก่อนของบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ยื่นคำขอ

- เครื่องหมายการค้าขัดแย้งกับชื่อเสียงของเครื่องหมายการค้าอื่น

-  ผู้ยื่นคำขอไม่ใช่เจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น

-  ผู้ยื่นคำขอไม่มีเจตนาที่จะใช้ อนุญาตให้ใช้ หรือโอนสิทธิในเครื่องหมายการค้าสำหรับสินค้าหรือบริการที่ขอจดทะเบียนในประเทศออสเตรเลีย

-  เครื่องหมายที่เป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของสินค้าที่มีกำเนิดในประเทศภูมิภาคหรือท้องถิ่นหนึ่ง ที่ไม่ใช่ประเทศ ภูมิภาค ท้องถิ่นที่เป็นแหล่งที่มาของสินค้านั้น

-  คำขอจดทะเบียนได้รับการแก้ไขโดยไม่ถูกต้อง

-  เครื่องหมายการค้าได้รับการอนุมัติให้จดทะเบียนเนื่องจากมีการนำเสนอหลักฐานที่เป็นเท็จ

                8.3  หลักฐานสนับสนุนการคัดค้าน

ผู้คัดค้านที่ประสงค์จะยื่นหลักฐานสนับสนุนคำคัดค้านสามารถนำส่งหลักฐาน  ภายในเวลา 3 เดือนนับแต่วันยื่นคำคัดค้าน ส่วนผู้ยื่นคำขอ สามารถนำส่งหลักฐานโต้แย้งคำคัดค้านได้ภายในเวลา 3 เดือนเช่นกัน

ทั้งนี้ ผู้คัดค้านและผู้ยื่นคำขออาจขอขยายระยะเวลาการยื่นหลักฐานสนับสนุนได้หากมีเหตุอันสมควร โดยทั่วไปนายทะเบียนจะอนุญาตให้ขยายระยะเวลาดังกล่าวได้หากผู้คัดค้านต้องการระยะเวลาเพิ่มเติมในการรวบรวมหลักฐานและจัดทำคำแถลงข้อกฎหมาย หรือหากมีการตกลงเจรจากันระหว่างผู้คัดค้านและผู้ยื่นคำขอ

หลักฐานสนับสนุนการคัดค้านเครื่องหมายการค้าส่วนใหญ่ จะทำเป็นคำแถลงข้อกฎหมาย (Statutory Declaration) บุคคลใดที่ได้ทำคำแถลงดังกล่าวอาจได้รับการร้องขอให้มาให้การด้วยวาจาด้วย

                8.4 กระบวนการคัดค้าน / โต้แย้ง

หลังจากมีการนำส่งหลักฐานครบถ้วนแล้ว ผู้ยื่นคำขอหรือผู้คัดค้านอาจร้องขอให้ นายทะเบียนดำเนินการพิจารณาต่อหน้า ซึ่งนายทะเบียนต้องดำเนินการตามคำร้องนั้น โดยผู้ยื่นคำขอและผู้คัดค้านต้องชำระค่าธรรมเนียมราชการในการขอให้พิจารณาต่อหน้าดังกล่าว ทั้งนี้ คู่กรณีฝ่ายที่ไม่ประสงค์จะ เข้าร่วมการพิจารณาดังกล่าว อาจเลือกที่จะนำส่งคำแถลงเป็นลายลักษณ์อักษรแทนเพื่อให้นายทะเบียนพิจารณา โดยต้องชำระค่าธรรมเนียมราชการสำหรับการนั้น การพิจารณาต่อหน้านี้เป็นกระบวนการอย่างไม่เป็นทางการและอยู่ในการควบคุมดูแลของนายทะเบียน หลังจากการดำเนินการตามกระบวนการดังกล่าวอาจมีการพิจารณาคดีในศาลต่อไปอีก

อย่างไรก็ตาม หากคู่กรณีทั้งสองฝ่ายไม่มีคำร้องขอให้มีการพิจารณาต่อหน้านายทะเบียน นายทะเบียนอาจพิจารณาการคัดค้านโดยไม่มีการพิจารณาดังกล่าว

คู่กรณีทั้งสองฝ่ายอาจยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยของนายทะเบียนได้ภายในเวลา 21 วันนับแต่วันที่นายทะเบียนมีคำวินิจฉัยคำคัดค้าน

         9. การได้มาซึ่งความคุ้มครอง

เครื่องหมายการค้าจะได้รับการจดทะเบียนเมื่อเครื่องหมายการค้านั้นมีคุณสมบัติครบถ้วนตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดและการคัดค้านไม่เป็นผลสำเร็จ โดยผู้ยื่นคำขอต้องชำระค่าธรรมเนียมราชการในการ จดทะเบียนเป็นเงิน 300 เหรียญออสเตรเลียต่อสินค้า/บริการหนึ่งจำพวก จากนั้น นายทะเบียนจะทำการประกาศโฆษณาการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในวารสารราชการ และออกหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนให้แก่เจ้าของเครื่องหมายการค้า

         10. อายุความคุ้มครอง

อายุความคุ้มครองเครื่องหมายการค้าที่ได้รับจดทะเบียนมีระยะเวลา 10 ปี นับจากวันที่ได้รับการจดทะเบียน กรณีที่มีการยื่นคำขอแยกออกมาจากคำขอหลัก (Divisional Application) ให้นับอายุเวลาต่อจากคำขอหลัก (Parent Application)

         11. การต่ออายุความคุ้มครอง

ผู้ขอจดทะเบียนสามารถขอต่ออายุความคุ้มครองได้โดยไม่จำกัด โดยต่ออายุได้คราวละ 10  ปี ทั้งนี้ การต่ออายุความคุ้มครองควรดำเนินการก่อนระยะความคุ้มครองจะสิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่เจ้าของเครื่องหมายการค้าไม่ได้ดำเนินการต่ออายุภายในกำหนดเวลาซึ่งส่งผลให้การจดทะเบียนนั้นถูกเพิกถอน เจ้าของเครื่องหมายการค้าอาจดำเนินการฟื้นคืนการจดทะเบียน (Restore the Registration) ภายในเวลา 12 เดือนนับแต่วันสิ้นอายุความคุ้มครอง โดยจะต้องชำระค่าธรรมเนียม ราชการเป็นเงิน 300 เหรียญออสเตรเลียสำหรับสินค้า/บริการ 1 จำพวก ซึ่งนายทะเบียนจะออกหนังสือเตือนหากว่าไม่มีการร้องขอดังกล่าวภายใน 10 เดือนหลังจากวันสิ้นอายุความคุ้มครอง อย่างไรก็ตาม หลังจากกำหนดเวลา 12 เดือนสิ้นสุดลง เครื่องหมายการค้าจะถูกเพิกถอนการจดทะเบียนโดยสิ้นเชิง

กระบวนการจดทะเบียนโดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 10-12 เดือนโดยการออกหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนต้องทำภายในเวลา 6 เดือนนับแต่วันประกาศโฆษณารับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในครั้งแรก ซึ่งในทางปฏิบัติ กระบวนการดังกล่าวจะเสร็จสิ้นก่อนเวลา 6 เดือน ยกเว้นกรณีมีการยื่นคำคัดค้านหรือมีกระบวนการทางกฎหมายอื่นเกิดขึ้น ระยะเวลาดังกล่าวอาจล่าช้าไปเกินกว่า 6 เดือน

           13. แบบคำขอ และค่าธรรมเนียมราชการและค่าบริการของสำนักงานตัวแทนสำหรับการ           จดทะเบียน

แบบคำขอจดทะเบียน ค่าธรรมเนียมราชการและค่าบริการของสำนักงานตัวแทนอยู่ในส่วนท้ายของรายละเอียดนี้ ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแบบคำขอจดทะเบียนและ/หรือแบบคำขออื่นๆ ได้จากเว็บไซต์ http://www.ipaustralia.gov.au/resourses/forms_trademarks.shtml

 

3. กระบวนการภายหลังการจดทะเบียน

           1. การรักษาสิทธิ

เจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ได้รับจดทะเบียนควรใช้เครื่องหมายการค้านั้นในประเทศออสเตรเลียสำหรับสินค้าหรือบริการที่จดทะเบียน หากเจ้าของไม่ใช้เครื่องหมายการค้าจดทะเบียนดังกล่าว ผู้มีส่วนได้เสียอาจร้องขอให้มีการเพิกถอนเครื่องหมายการค้านั้นโดยอาศัยเหตุการไม่ใช้เครื่องหมายการค้า

            2. การเพิกถอนสิทธิ

           2.1 เหตุแห่งการเพิกถอน

ผู้ที่ได้รับความเสียหายอาจร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนในเวลาใดๆ ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

                        2.1.1 ไม่มีการใช้เครื่องหมายการค้าจดทะเบียนในระหว่าง 3 ปีก่อนการยื่นคำขอเพิกถอนเครื่องหมายการค้า ทั้งนี้ การยื่นคำขอเพิกถอนนี้สามารถทำได้หลังจากครบกำหนดเวลา 5 ปีนับแต่วันยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่จะทำการเพิกถอนเท่านั้น

                        2.1.2  เครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนขัดต่อเงื่อนไขความเป็นเครื่องหมายการค้า

                        2.1.3 เจ้าของเครื่องหมายจดทะเบียนสูญเสียสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการใช้         เครื่องหมายนั้น เนื่องจากเครื่องหมายนั้นประกอบด้วยภาคส่วนที่ใช้บรรยายหรือใช้เป็นชื่อหรือสินค้าหรือบริการที่กลายเป็นสิ่งสามัญในทางการค้าหรือกลายเป็นสิ่งที่ยอมรับกันทั่วไป

                       2.1.4  มีเหตุใดเหตุหนึ่งแห่งการคัดค้านการจดทะเบียนดังที่กล่าวไว้ในข้อ 8.2

                       2.1.5  การแก้ไขเพื่อให้เครื่องหมายได้รับจดทะเบียนเป็นการกระทำโดยฉ้อฉลหรือสำคัญผิด

                       2.1.6  ใช้เครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนในทางเป็นการหลอกลวงหรือทำให้          สาธารณชนสับสน

                2.2  หลักฐานในการเพิกถอน

กรณียื่นคำขอเพิกถอนเครื่องหมายการค้าด้วยเหตุไม่มีการใช้เครื่องหมายการค้า  ผู้ยื่นคำขอต้องนำส่งคำแถลงที่เป็นลายลักษณ์อักษร ระบุรายละเอียดที่ใช้สนับสนุนการเพิกถอนดังกล่าว เจ้าของ เครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนต้องพิสูจน์ว่า มีการใช้เครื่องหมายการค้าโดยสุจริต หากผู้ยื่นคำขอเพิกถอนพิสูจน์ได้ว่าเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนไม่มีเจตนาโดยสุจริตในการที่จะใช้ หรือไม่มีการใช้เครื่องหมาย หรือไม่มีการใช้เครื่องหมายโดยสุจริตในระหว่าง 3 ปีก่อนการยื่นคำขอเพิกถอนนั้น เครื่องหมายการค้าที่ได้รับจดทะเบียนก็จะถูกเพิกถอนทะเบียน

อย่างไรก็ตาม เครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนจะไม่ถูกเพิกถอน หากเจ้าของแสดงได้ว่ามีการใช้เครื่องหมายการค้าโดยผู้ได้รับอนุญาตจากเจ้าของเครื่องหมายการค้าในระหว่างระยะเวลาดังกล่าว

                 2.3   กระบวนการเพิกถอน

เจ้าของเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนสามารถยื่นคำโต้แย้งคำขอเพิกถอนเครื่องหมาย ด้วยเหตุไม่มีการใช้เครื่องหมายได้ภายในเวลา 3 เดือนนับจากวันประกาศโฆษณาคำขอเพิกถอนในวารสารราชการ ทั้งนี้ เจ้าของเครื่องหมายอาจยื่นขอขยายระยะเวลาการยื่นคำโต้แย้งดังกล่าวได้

การยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยให้เพิกถอนหรือยกเลิกเครื่องหมายการค้าสามารถทำได้

           3. การจดแจ้งการเปลี่ยนชื่อ และที่อยู่

                 3.1  เอกสารที่ใช้

การเปลี่ยนแปลงชื่อและที่อยู่ของเจ้าของเครื่องหมายการค้าไม่มีข้อกำหนดว่าจะต้องยื่นเอกสารหลักฐานอะไรบ้าง อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดตัวอย่างคำขอที่ใช้เป็นมาตรฐานได้ที่ http://www.ipaustralia.90v.su/pafs/trademarks/amendments/Tm00014.pdf  ทั้งนี้ เจ้าของเครื่องหมายการค้าควรจดแจ้งการแก้ไขดังกล่าวต่อนายทะเบียนโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถปฏิบัติได้

                  3.2  ระยะเวลา

ไม่มีกฎหมายกำหนด

                   3.3  แบบคำขอ และค่าธรรมเนียมราชการ

สามารถดูแบบคำขอในเว็บไซต์ที่กล่าวข้างต้นในส่วนของค่าธรรมเนียมในการจดแจ้งการเปลี่ยนแปลงชื่อและที่อยู่นั้นไม่ได้กำหนดไว้

 

4. การบังคับใช้สิทธิ

           1.  การกระทำที่ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิ

-  การใช้เครื่องหมายการค้าที่มีสาระสำคัญที่เหมือนกันหรือที่คล้ายกันจนอาจเป็นการหลอกลวงหรือก่อให้เกิดความสับสนกับสินค้าหรือบริการที่เหมือนกัน

-  การใช้เครื่องหมายการค้าที่มีสาระสำคัญที่เหมือนกันหรือที่คล้ายกันจนเป็นการหลอกลวงหรือก่อให้เกิดความสับสนกับสินค้าหรือบริการที่มีลักษณะเหมือนกันหรือที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน

-   การใช้เครื่องหมายการค้าที่มีสาระสำคัญเหมือนกันหรือคล้ายกันกับเครื่องหมายการค้าที่มีชื่อเสียงแพร่หลายทั่วไป จนอาจเป็นการหลอกลวงทำให้เข้าใจว่าเครื่องหมายการค้าทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกันและทำให้เกิดความเสียหายกับเครื่องหมายการค้าที่มีชื่อเสียงแพร่หลายทั่วไป ทั้งนี้ แม้ว่าจะใช้กับสินค้าหรือบริการที่ไม่มีลักษณะเหมือนกันหรือไม่เกี่ยวเนื่องกัน

            2.  มาตรการในการเยียวยา

                 มาตรการในทางแพ่ง

                 1. กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า

                  2.  การเยียวยาทางแพ่ง

เจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ถูกกระทำละเมิดอาจดำเนินการทางแพ่งเพื่อให้ได้รับการเยียวยา ดังนี้

-  การสั่งให้หยุดหรือห้ามการกระทำการที่เป็นการละเมิดชั่วคราวในระหว่างการพิจารณา และการมีคำพิพากษาถึงที่สุดสั่งให้หยุดและห้ามมิให้กระทำการดังกล่าว (ณnterlocutory and final injunctions)  

-  การขอสืบพยานหลักฐานไว้ก่อนฟ้องคดี (Anton Pillar Orders)

-   เรียกค่าเสียหาย

-   การเรียกค่าชดเชยจากผลกำไรที่ได้จากการละเมิด

-   การแปลงหนี้และการยึดทรัพย์

-    การสั่งให้นำส่งสินค้าหรือการลบเครื่องหมายออก

-    การยึดสินค้าละเมิดโดยสำนักงานศุลกากร

                  3.  กระบวนการทางแพ่ง

เจ้าของเครื่องหมายการค้าหรือผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้าอาจดำเนินคดีทางแพ่งต่อศาลที่มีเขตอำนาจ ได้แก่ ศาลกลางประเทศออสเตรเลีย (Federal Court of Australia) หรือ  ศาลสูงประจำมลรัฐหรืออาณาเขตของประเทศออสเตรเลีย (Supreme Court of an Australian State or Territory)

โดยปกติศาลจะไม่ออกคำสั่งเยียวยาให้กับผู้เสียหายจนกว่าครื่องหมายการค้าที่ถูกละเมิดจะได้รับการจดทะเบียน

                  4. ค่าเสียหาย

เจ้าของเครื่องหมายการค้าหรือผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้า สามารถได้รับค่าเสียหายในกรณีทีมีการกระทำละเมิดได้ ทั้งนี้ แม้ว่าการกระทำละเมิดดังกล่าวจะเป็นการกระทำโดยไม่เจตนาก็ตาม

โดยปกติ ค่าเสียหายจะคำนวณจากความเสียหายที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากการกระทำละเมิดของจำเลย โดยศาลจะคำนวณจากรายได้หรือกำไรที่สูญเสียไป (Loss of Profit) หรือค่าสิทธิอันควรได้รับหากได้อนุญาตให้ผู้กระทำละเมิดใช้สิทธิ

                  มาตรการในทางอาญา

                  1. กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า การกระทำที่ถือว่าเป็นความผิดทางอาญามี   ดังต่อไปนี้

- การปลอมแปลงหรือการลบเครื่องหมายการค้า

- การใช้เครื่องหมายการค้าที่ไม่ใช้การใช้ในทางปฏิบัติทั่วไปสำหรับเครื่องหมายการค้านั้น

- การเตรียมการในการกระทำความผิด

- การจำหน่าย ครอบครอง หรือนำเข้าซึ่งสินค้ากระทำละเมิด โดยทราบอยู่แล้วว่าเครื่องหมายการค้านั้นเป็นเครื่องหมายการค้าที่ได้รับจดทะเบียน

                    2. การเยียวยาทางอาญา

กรณีที่มีการละเมิดเครื่องหมายการค้า ผู้กระทำผิดอาจได้รับโทษปรับหรือจำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับ

                    3. กระบวนการทางอาญา

การดำเนินคดีทางอาญากับผู้กระทำผิดสามารถทำได้โดยเจ้าหน้าที่รัฐ (the Crown) เท่านั้น

                    4.  โทษ

ผู้กระทำความผิดที่เป็นบุคคลธรรมดาจะได้รับโทษได้ไม่เกิน 500 ฐานความผิด โดยแต่ละฐานความผิดมีโทษปรับ 110 เหรียญออสเตรเลียหรือโทษจำคุกเป็นเวลาไม่เกิน 2 ปี หรือทั้งปรับและจำคุก

กรณีที่ผู้กระทำผิดเป็นนิติบุคคล ศาลสามารถกำหนดโทษเป็น 5 เท่าของบุคคลธรรมดา คือสามารถลงโทษได้ไม่เกิน 2500 ฐานความผิดและปรับสูงสุดได้ไม่เกิน 275,000 เหรียญออสเตรเลีย

              3. ค่าบริการของสำนักงานตัวแทน

ขึ้นอยู่กับแต่ละคดี

 

 5. การคุ้มครอง ณ จุดนำเข้า – ส่งออก

              1. มาตรการคุ้มครองทางศุลกากร ณ จุดนำเข้า – ส่งออก

เจ้าของเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนสามารถขอรับความคุ้มครองทางศุลกากรได้ โดยการยื่น คำคัดค้าน (Notice of Objection) การนำเข้าสินค้าที่ละเมิดเครื่องหมายการค้าของตนแก่ศุลกากร โดยต้องมีการวางหลักประกันเป็นจำนวนเงิน 10,000 เหรียญออสเตรเลีย เพื่อเป็นการประกันการจ่ายเงินคืนให้กับรัฐ ในกรณีเกิดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของศุลกากร คำคัดค้านดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 2 ปี นับจากวันที่ได้ยื่นคำคัดค้านแก่ศุลกากรและสามารถต่ออายุได้

ศุลกากรจะยึดสินค้าที่ต้องสงสัยว่ามีการละเมิดเครื่องหมายการค้า จากนั้น จะแจ้งให้เจ้าของเครื่องหมายการค้าทราบ เจ้าของเครื่องหมายการค้าต้องดำเนินคดีเกี่ยวกับการละเมิดภายในเวลา 10 วันทำการ ทั้งนี้ เจ้าของเครื่องหมายการค้าสามารถขอขยายระยะเวลาดังกล่าวได้อีก 10 วันทำการโดยแจ้งเหตุอันสมควร หากเจ้าของเครื่องหมายไม่ดำเนินคดีในระยะเวลาดังกล่าวและผู้นำเข้าสินค้าไม่ได้ละทิ้งสินค้าละเมิดนั้น ศุลกากรจะต้องปล่อยสินค้าที่ยึดไว้ดังกล่าว

มาตรการคุ้มครองทางศุลกากรนี้ถือว่าเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพทั้งในแง่ค่าใช้จ่ายและเวลาในการดำเนินการ ทั้งยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันสินค้าปลอมแปลงที่มีการนำเข้าสู่ประเทศออสเตรเลีย เพราะมิฉะนั้น เจ้าของเครื่องหมายการค้าก็จะไม่ทราบว่ามีการนำสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้าเข้ามาในประเทศแต่อย่างใด  นอกจากนี้ มาตรการดังกล่าวยังมีประสิทธิภาพในการยึดสินค้าก่อนการกระจายออกไปในตลาด  และทำให้ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับองค์การที่ผลิตสินค้าละเมิดดังกล่าวด้วย

               2. การเสนอเอกสารพิสูจน์ความเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า

ผู้ยื่นคำคัดค้านต้องแนบคำขอพร้อมรายละเอียดของเครื่องหมายการค้าที่เกี่ยวข้อง แก่สำนักงานบริการศุลกากรแห่งประเทศออสเตรเลีย (Australian Customs Service) พร้อมทั้งจ่ายหลักประกันเป็นจำนวนเงิน 10,000 เหรียญออสเตรเลีย ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแบบคำคัดค้านได้ที่ http://www. customs.gov.au/webdata/resources/files/B1025newl.pdf

               3. ค่าธรรมเนียมราชการ

หลักประกันเป็นจำนวนเงิน 10,000 เหรียญออสเตรเลีย ตามที่ได้กล่าวในข้างต้น

               4. เงินรางวัลสำหรับเจ้าหน้าที่ศุลกากรเพื่อคดีที่เป็นผลสำเร็จ

ไม่มีระบุ

               5. การกระทำการของเจ้าหน้าที่ศุลกากรต่อสินค้าที่มีการละเมิด

สินค้าที่ถูกยึดไว้หรือที่ผู้นำเข้าละทิ้งไว้จะถูกนำไปทำลาย ทั้งนี้ การทำลายจะทำเมื่อมีการยึดสินค้า หรือเมื่อผู้นำเข้าได้ละทิ้งสินค้าไว

                6. สินค้าส่วนใหญ่อันได้มีการละเมิด

เสื้อผ้า เครื่องประดับ ของเล่น

                7. ประเทศที่มีการนำเข้าสินค้าละเมิดสูงสุด

เขตปกครองพิเศษฮ่องกง และสาธารณรัฐประชาชนจีน

 

6. หน่วยงานที่รับผิดชอบ/สำนักงานตัวแทน

                1. หน่วยงานที่รับผิดชอบ

                     1. Australian Trade Marks Office, IP Australia

                          Ground floor, Discovery House

47 Bowes Street
Woden ACT 2606
(PO Box 200, Woden ACT 2606)

Tel:                 61 2 6283 2999
Fax                 61 2 6283 7999

                          Website:            www.ipaustralia.com.au/

                      2. The Institute of Patent and Trade Mark Attorneys of Australia (IPTA)

                           711 High Street
                           Kew East Vic 3102

                           Australia

Tel.                         61 3 9857 0311
Fax:                        61 3 9857 0411
Free call:               61 1800 804 536
Website:                www.ipta.com.au/

                      3. Licensing Executive Society of Australia and New Zealand (LES)

                           PO Box 842
                           Mulgrave VIC 3170

                           Australia

                           Tel:                 61 3 9574 9651
                           Fax:                61 3 9574 8066
                           Website:        www.lesanz.org.au/

                      4.  The Australian Manufacturers of Patents, Industrial Designs, Copyright and Trade Mark Association (AMPICTA)

                            Level 12, 140 Arthur Street
                            North Sydney NSW 2060

                            Tel:         61 2 9927 7500
                            Fax:        61 2 9956 7004

                2. สำนักงานตัวแทน

         1. Baker & McKenzie, Byron Angelopulo

             Level 27 AMP Building

             50 Bridge Street

Sydney NSW 2000

Tel:                 61 2 9225 0200

Fax:                61 2 9225 1595

                          E-mail:           byron.angelopulo@bakernet.com

                      2. Davies Collison Cave

                          Level 10/10 Barrack Street,

                          Sydney 2000

                          GPO Box 3876, Sydney 2001

                          Offices also in Melbourne, Brisbane and Canberra

                          Tel:                 61 2 9262 2611

                          Fax:                61 2 9262 1080

                          E-mail:           sydmail@davies.com.au

                          Website:        www.davies.com.au

                      3. Griffith Hack

                          Level 10, 167 Eagle Street,

                          Brisbane 4000

                          GPO Box 3125, Brisbane 4001

                           Tel:                 61 7 3221 7200

                           Fax:                61 7 3221 1245

                           E-mail:           ghbris@griffithhack.com.au

                           Website:        www.griffithhack.com.au

                     4. Allen Arthur Robinson Patent & Trade Marks Attorneys

                         P.J. Macken, Dr T.J. Davies

                         Level 17, 2 Chifley Square,

                         Sydney 2000

                         GPO Box 50, Sydney 2001

                         Offices also in Melbourne

                         Tel:                 61 2 9230 4000

                         Fax:                61 2 9230 5333

                         E-mail:           contactus@aar.com.au

                          Website:        www.aar.com.au

สำหรับรายชื่อสำนักงานตัวแทนอื่นๆสามารถตรวจสอบได้ที่ http://www.ipta.com.au/IPTAlist.html

 

7. สถิติเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาในปี พ.ศ. 2546 - 2547

สถิติการยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าอยู่ในส่วนท้ายของรายละเอียดนี้


ขั้นตอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า

 

ขั้นตอน

วันยื่นคำขอจดทะเบียน

การ            ตรวจสอบ

การอุทธรณ์

การประกาศโฆษณา

การคัดค้าน

การ            จดทะเบียน

ระยะเวลา        ถึงวันรับ              จดทะเบียน

ระยะเวลา

วันยื่นคำขอ

6-8 เดือน

15 เดือน

2 อาทิตย์

นับแต่มีคำสั่ง

ให้รับ

จดทะเบียน

3 เดือนนับแต่วันประกาศโฆษณา

6 เดือน

นับแต่มีการประกาศโฆษณา

10-12 เดือน

 

 

ตารางค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า

 

 

ค่าธรรมเนียม

(AUS)

ค่าบริการวิชาชีพ

(AUS)

1.       การยื่นคำขอจดจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า (ต่อ 1 เครื่องหมาย 1 จำพวก)

150

650

2.       การยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าจำพวกที่เพิ่มเติม จำพวกละ

150

330

3.       การขอถือสิทธิวันยื่นคำขอย้อนหลัง

-

100

4.       การยื่นเอกสารล่าช้า

-

-

5.       การแก้ไขเครื่องหมายการค้า

-

-

6.       การแก้ไขชื่อ ที่อยู่ และอื่น ๆ

-

170

7.       การประกาศโฆษณา

300

300

8.       การรับจดทะเบียน

·    จำพวกแรก

·    จำพวกที่เพิ่มเติม (จำพวกละ)

 

300

300

 

400

210

9.       การชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุ (ต่อหนึ่งจำพวก)

300

460

10.    การออกใบแทนหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า

-

-

11.    การตรวจค้น

-

ตามเวลาที่ใช้

12.    การรายงานผลการตรวจสอบคำขอ

-

ตามเวลาที่ใช้

13.    การอุทธรณ์

-

ตามเวลาที่ใช้

14.    การขยายระยะเวลาการอุทธรณ์

300

240

15.    การยื่นคำคัดค้าน

250

690

16.    การยื่นคำโต้แย้ง

-

ตามเวลาที่ใช้

17.    การยื่นคำขอเพิกถอน

150

610

18.    การจดทะเบียนการโอนสิทธิ

·    เครื่องหมายแรก

·    เครื่องหมายเพิ่มเติม เครื่องหมายละ

 

-

-

 

310

160

19.    การดำเนินคดีทางศาล

-

ตามเวลาที่ใช้

 

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ

  

Like this article:
Social share: