นักวิชาการ-ชาวบ้านหวั่นน้ำท่วม อุบลฯฮือต้านถมแก้มลิง400ไร่

สื่อสร้างสุขอุบลราชธานี 12 พ.ค. 2555


 

เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.อุบลราชธานีว่า ที่วัดท่ากกแห่ ต.แจระแม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี สื่อสร้างสุขอุบลราชธานี โดยความร่วมมือของ โครงการสะพานจากการสนับสนุนของ U.S. Agency for International Development (USAID) จัดเวทีร่วมคิดร่วมแก้กับโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่มูลค่าหลายพันล้านบาท บริเวณที่ดินติดลำน้ำมูลด้านถนนเลี่ยงเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ซึ่งทำให้พื้นที่แก้มลิงกว่า 500 ไร่หายไป เพราะถูกถมที่ดินให้สูงจากเดิมถึง 6 เมตร

มีผู้เข้าร่วมอาทิ ศ.ดร.ประกอบ วิโรจนกูฏ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ผู้ทำวิจัยโครงสร้างลุ่มน้ำในภาคอีสาน ดร.อนุชา เพียรชนะ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี นายไผท ภูธา นักวรรณกรรมคนลุ่มน้ำชี และนายสมชาติ พงคพนาไกร รองประธานหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี มีนายสุชัย เจริญมุขยนันท น.ส.ชนินทร์ญา คำดี ผู้ดำเนินการเสวนา โดยมีชาวบ้านท่ากกแห่ รวมทั้งชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามลุ่มน้ำมูลที่จะได้รับผลกระทบร่วมรับฟังและแสดงความเห็น

นายสมชาติกล่าวว่า ตั้งแต่เกิดน้ำท่วมใหญ่ที่ภาคกลาง นักลงทุนเริ่มมองมาที่ภาคอีสาน เพื่อใช้เป็นสถานที่ลงทุน เนื่องจากมีศักยภาพทั้งด้านพื้นที่และแรงงานโดยเฉพาะที่จ.อุบลราชธานี ที่ยังมีพื้นที่สามารถรองรับการลงทุนขนาดใหญ่ได้จำนวนมาก และสามารถเป็นฮับ (HUB) ในภาคอีสานตอนล่างได้ ซึ่งอนาคตจังหวัดจะมีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนใน 3 ปีข้างหน้า อุบลราชธานีมีความได้เปรียบด้านการลงทุนกว่าจังหวัดอื่นในภาคอีสาน การที่ต้องคิดขณะนี้คือ สถาบันการศึกษาต้องมีหน้าที่สนับสนุนสร้างความแข็งแกร่งในการเลี้ยงสัตว์ ในการเพาะปลูกของภาคเกษตรกรรมในพื้นที่ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในอนาคต

ด้าน ศ.ดร.ประกอบกล่าวถึงกายภาพของลุ่มน้ำในจ.อุบลราชธานี ซึ่งมีลำน้ำน้อยใหญ่หลายสายไหลมารวมกัน ทำให้มีพื้นที่ถูกน้ำท่วมเป็นประจำทุกปีว่า หที่ผ่านมาเมื่อน้ำไหลท่วมใช้เวลาไม่นาน เพราะไม่มีอะไรปิดกั้นทางไหลของน้ำ แต่ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ตามความเจริญของชุมชน เมื่อมีการถมแก้มลิงย่อมไม่เป็นผลดี เพราะจุดรองรับน้ำหายไป ทำให้น้ำท่วมขยายวงกว้างออกไป จึงต้องมีการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมก่อนการก่อสร้าง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อมีการสร้างศูนย์การค้าของเครือเซ็นทรัล รวมทั้งศูนย์จำหน่ายวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ครั้งนี้ จะเกิดการจ้างงานขึ้นจำนวนมาก

ส่วนภาคเกษตรกรรม การเลี้ยงสัตว์ ก็ต้องพูดคุยกับเจ้าของห้าง ให้รับซื้อสินค้าเกษตรกรรมไปวางขายในห้างสรรพสินค้า เพื่อสร้างรายได้ให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างด้วย ก็จะทำให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน

“ตามธรรมชาติบริเวณแก้มลิงเป็นพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมเป็นประจำทุกปี และชาวบ้านมีการปรับสภาพที่จะอยู่ร่วมกับน้ำมายาวนานหลายชั่วอายุคน เพียงแต่จะทำอย่างไรให้ชาวบ้านที่เสียประโยชน์ เพราะต้องถูกน้ำท่วมนาน มีส่วนได้รับประโยชน์จากโครงการก่อสร้างห้างสรรพสินค้าครั้งนี้”

ดร.อนุชากล่าวถึงการถมดินจำนวนมหาศาล ในพื้นที่กว่า 500 ไร่ว่า หากคำนวนตามหลักของพื้นที่ทำให้พื้นที่แก้มลิงที่เคยรองรับน้ำหายไปวันละกว่า 1.5 ล้านลูกบาศก์เมตร น้ำจะถูกบีบ แล้วน้ำในลำมูลน้อยจะไปอยู่ที่ไหน โดยธรรมชาติน้ำจะไหลไปหาที่ต่ำ ซึ่งก็คือที่อยู่ของประชาชนสองฝั่งแม่น้ำ และตามประวัติศาสตร์ในรอบ 10 ปี อุบลราชธานี จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ 1-2 ครั้ง ซึ่งเกิดไปแล้วครึ่งหนึ่ง เมื่อปีที่ผ่านมา และสิ่งที่ต้องดูกันต่อไปก็คือ ขณะนี้คุณภาพน้ำในลำน้ำมูลน้อยที่โครงการมาก่อสร้าง มีคุณภาพน้ำต่ำลงเรื่อยๆ แต่เป็นน้ำที่ต้องนำไปทำประปาจ่ายให้คนในตัวอำเภอเมืองใช้ จึงต้องร่วมคิดแก้ไขเรื่องน้ำเสีย ที่จะปล่อยออกมาจากบ่อบำบัดของห้างขายสินค้าต่างๆ จะซ้ำเติมให้คุณภาพน้ำในลำน้ำมูลน้อยย่ำแย่ลงอีกหรือไม่

ส่วนชุมชนทั้งลำน้ำมูลน้อย และแม่น้ำมูลจากการตรวจสอบทุกปี ระดับน้ำท่วมสูงขึ้นและท่วมนาน เพราะมีการก่อสร้างกีดขวางทางน้ำไหล การสร้างห้างสรรพสินค้าและศูนย์จำหน่ายวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ อบต.แจระแมได้รับประโยชน์จากการเก็บภาษีท้องถิ่น แต่ส่งผลกระทบไปถึงพื้นที่อื่นด้วย จึงต้องคิดหาทางออกร่วมกัน เพื่อให้อยู่ร่วมกันได้ ระหว่างผู้ประกอบการและชาวบ้านที่อาศัยอยู่โดยรอบ

สำหรับเรื่องการสร้างงานมองว่า เมื่อไทยเข้าร่วมเป็นสังคมอาเซียน ชาวบ้านที่ถูกจ้างงานช่วงแรก จะไม่ได้รับประโยชน์จากการจ้างแรงงานต่อไป เพราะจะมีแรงงานราคาถูกจากประเทศเพื่อนบ้าน เดินทางเข้ามาทำงานแทน ต้องทำสัญญากับผู้ประกอบการ ถึงระยะเวลาการจ้างแรงงาน เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับแรงงานในท้องถิ่น เพราะเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนในการอยู่อาศัย จากการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ครั้งนี้

ด้านนายไผทกล่าวว่า ปัจจุบันชาวบ้านเพาะปลูกไม่เก่งเหมือนบรรพบุรุษ เพราะต้องใช้ปุ๋ย ใช้ยาฆ่าแมลงช่วย และอดีตเมื่อถึงคราวน้ำท่วม คนรุ่นเก่าจะมีพันธุ์ข้าวที่ทนน้ำท่วมได้นานใช้ปลูก แต่ทุกวันนี้พันธุ์ข้าวเหล่านี้สูญหายไป เพราะทำตามความต้องการทางเศรษฐกิจ โดยไม่ดูความเป็นจริงของพื้นที่ และหากจังหวัดเกิดอุทกภัยเหมือนปี 2521 จะเกิดอะไรขึ้นกับชาวเมือง เพราะครั้งนั้นยังมีพื้นที่แก้มลิงรองรับน้ำที่มีปริมาณมากที่สุด ที่เกิดน้ำท่วมขึ้นในจังหวัด และน้ำก็ไม่ได้ท่วมอยู่นานเพียง 1 เดือนน้ำก็ลด แต่ทุกวันนี้แนวโน้มน้ำท่วมนานขึ้น เพราะคนไปบุกรุกพื้นที่แก้มลิง และสร้างสิ่งของขวางทางไหลของน้ำ

 

“ถามชาวบ้านทราบว่า การทำโครงการขนาดใหญ่ครั้งนี้ ไม่มีการทำประชาคม ไม่สอบถามความเห็นของชาวบ้านที่อยู่อาศัยมาก่อน รวมทั้งสภาพสิ่งแวดล้อมที่แย่ลง จึงต้องคิดว่าจะทำอย่างไร ที่ผลักดันให้นักลงทุนต้องยอมลงทุนด้านสิ่งแวดล้อม ในการลงทุนทุกระดับ เพื่อไม่สร้างปัญหาให้ชาวบ้านในภายหลัง ส่วนหน่วยงานรัฐ ต้องฟังเสียงชาวบ้านให้มากขึ้น ถ้าไม่ต้องการให้เกิดปัญหาภายหลัง”

 

นอกจากนี้ชาวบ้านที่มาร่วมฟังแสดงความเห็นว่า โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่หลายโครงการ ที่เข้ารุกพื้นที่แก้มลิงในเขตต.แจระแม ที่ผ่านมาพวกตนไม่มีโอกาสร่วมรับรู้ จะทราบก็เมื่อมีการก่อสร้างขึ้นแล้ว พร้อมเรียกร้องให้สำนักงานทางหลวงทำประชาพิจารณ์ การสร้างถนนวงแหวนเลียบแม่น้ำมูลสายใหม่ เพราะมีการสร้างถนนปิดกั้นทางน้ำ หากต้องการสร้างจริง ควรเป็นสะพานยกระดับให้น้ำจากล้ำน้ำสาขาไหลลงสู่แม่น้ำมูลได้สะดวก ชาวบ้านจะได้ไม่ต้องจมอยู่กับน้ำเป็นเวลานานหลายเดือนเหมือนที่เกิดขึ้นทุกปี

 

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: