เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็น หัวข้อ “การวางตัวของนายกรัฐมนตรีช่วง บารัค โอบามา มาเยือนประเทศไทย การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล และก้าวต่อไปของฝ่ายการเมืองที่ประชาชนอยากเห็น” กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 17 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี ลพบุรี ชลบุรี จันทบุรี พิจิตร เพชรบูรณ์ เชียงใหม่ มุกดาหาร หนองคาย ชัยภูมิ สุรินทร์ อุดรธานี ขอนแก่น พัทลุง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช จำนวน 2,054 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 20 - 24 พฤศจิกายน 2555
เมื่อสอบถามถึงความเหมาะสมในการวางตัวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีช่วง บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา มาเยือนประเทศไทย พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 63.9 ระบุว่า เหมาะสมแล้ว ในขณะที่ร้อยละ 36.1 ระบุว่าไม่เหมาะสม และเมื่อถามว่า ถ้าคุณเป็นนายกรัฐมนตรี คุณจะพูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่าหรือแย่กว่านายกรัฐมนตรี พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 71.1 ระบุว่าพูดได้แย่กว่านายกรัฐมนตรี ในขณะที่ร้อยละ 28.9 ระบุว่าพูดได้ดีกว่า นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 74.8 ประทับใจในการใช้ภาษาอังกฤษของนายกรัฐมนตรี ช่วงผู้นำประเทศต่าง ๆ มาเยือนประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่หรือร้อยละ 87.7 ให้ความสำคัญกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ในขณะที่ร้อยละ 12.3 ไม่ให้ความสำคัญ ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 93.5 อยากให้อภิปรายเฉพาะปัญหาเดือดร้อนของประชาชน ในขณะที่เพียงร้อยละ 6.5 เท่านั้นที่อยากให้อภิปรายเรื่องส่วนตัว
นอกจากนี้ร้อยละ 74.4 เชื่อมั่นต่อนายกรัฐมนตรี ในการชี้แจงช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ร้อยละ 25.6 ไม่เชื่อมั่น ขณะที่ร้อยละ 75.9 คิดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรในรัฐบาล หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในขณะที่ร้อยละ 24.1 คิดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
เมื่อถามถึงระยะเวลาที่ต้องการให้โอกาสรัฐบาลภายใต้การนำของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำงานต่อไป พบว่า ร้อยละ 46.9 ระบุว่า 2 ปีจนครบวาระ ในขณะที่ร้อยละ 29.8 ระบุ 1 - 2 ปี ร้อยละ 12.5 ระบุ 6 เดือนถึง 1 ปี และร้อยละ 10.8 ระบุไม่เกิน 6 เดือน ตามลำดับ
นอกจากนี้จากคำถามที่ว่า 5 อันดับแรกของก้าวต่อไปของฝ่ายการเมือง ที่ประชาชนคนไทยทุกคนอยากเห็น ซึ่งกลุ่มเป้าหมายสามารถตอบได้มากกว่า 1 ข้อ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 94.8 ระบุช่วยกันปกปักษ์รักษาระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รองลงมาคือร้อยละ 91.8 ระบุให้เลิกแตกแยก มุ่งปรองดอง ร้อยละ 84.2 ให้สำนึกรู้คุณแผ่นดิน ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ ร้อยละ 74.1 ระบุให้รักสามัคคี ช่วยเหลือเกื้อกูลมีไมตรีจิตต่อกัน และร้อยละ 72.9 ให้เกียรติกัน ไม่เยาะเย้ย ถากถางกัน
ส่วนก้าวต่อไปของรัฐบาลภายใต้การนำของน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่อยากเห็นมากที่สุด พบว่า อันดับแรกหรือร้อยละ 45.9 เร่งแก้ปัญหาปากท้อง ลดภาระค่าครองชีพ ร้อยละ 20.7 เสริมสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของคนในชาติ ลดความแตกแยก ร้อยละ 14.9 พัฒนาความสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศอาเซียน ร้อยละ 12.5 กระตุ้นให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้มงวดพฤติกรรมผู้ฝ่าฝืนกฎหมายบ้านเมือง และร้อยละ 6.0 ระบุอื่นๆ เช่น แก้ปัญหาสังคม ปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ พัฒนาคุณภาพประชาชน ปัญหาเด็กและเยาวชน เป็นต้น
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ