คณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ภาคประชาชน จึงจัดประชุมคณะกรรมการฯ และรับฟังความคิดเห็นจากองค์กรผู้บริโภค ซึ่งคณะกรรมการมีมติในการจัดทำความเห็น และการจัดทำชุดข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจกับสาธารณะและผู้บริโภค เกี่ยวกับการประมูลดังกล่าว ว่าจะต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชนในระดับชาติ
รศ.ดร.จิราพร ลิ้มปานานนท์ ประธานคณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ภาคประชาชน กล่าวว่า จากราคาการประมูลของทั้ง 3 บริษัท ประกอบด้วย ราคาประมูลของบริษัท AIS 14,265 ล้านบาท DTAC 13,500 ล้านบาท และ TRUE 13,500 ล้านบาท รวมกันแล้วได้ 41,625 ล้านบาท ต่อระยะเวลา 15 ปี ซึ่งทำให้บริษัททั้งสามจ่ายเพียง 2,775 ล้านบาทต่อปีเท่านั้น จากเดิมที่จ่ายถึง 40,000 ล้านบาทต่อปี ชี้ให้เห็นว่า บริษัทได้ประโยชน์จากราคาประมูลคลื่นครั้งนี้เกือบ 15 เท่า คณะกรรมการฯ มีความเห็นว่า การประมูลครั้งนี้เกิดความเสียหายต่อสาธารณะ และรายได้ที่ประเทศพึงได้จากการประมูล และหากกสทช.ในฐานะผู้รับผิดชอบไม่มีการดำเนินการใด ๆ ผลประโยชน์ที่ควรจะตกกับผู้บริโภคจะไม่สามารถเกิดขึ้นจริง
ดังนั้นคณะกรรมการจึงขอเสนอให้กสทช. จัดประมูลใหม่ให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 เดือน โดยให้ความสำคัญกับราคาตั้งต้น ที่ไม่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย และรวมถึงมีการกำหนดมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคในการประมูลใหม่ในครั้งนี้ด้วย
นอกจากนี้คณะกรรมการฯได้เสนอให้ กสทช.มีการกำกับดูแล ผู้ประกอบการและคุ้มครองผู้บริโภคให้เข้มงวดขึ้น ซึ่งเป็นหน้าที่ตามกฎหมายของกสทช.อยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมา กสทช.ละเลยการปฎิบัติหน้าที่ กรณีตัวอย่างระบบโทรศัพท์ในบัตรเติมเงิน ที่ผู้บริโภคถูกเอาเปรียบ ซึ่งกสทช.มีคำสั่งทางปกครองปรับวันละ 100,000 บาท ซึ่งยังไม่มีความคืบหน้า ว่ามีการดำเนินการปรับทางปกครองแต่อย่างใด
ส่วนการอ้างมีบริการในระบบ 2 จี ทำให้ไม่มีผลกระทบถึงผู้บริโภคไม่เป็นความจริง เนื่องจากผู้ประกอบการพยายามย้ายผู้ใช้บริการบนคลื่นความถี่เดิม มาสู่ระบบ 3 จี เพราะระบบสัมปทาน 2 จี จะหมดอายุการใช้งาน ซึ่งผู้บริโภคที่ใช้ระบบ 2 จี จำนวน 19.6 ล้านคน จะหมดอายุสัมปทานในเดือนกันยายน 2556 นี้
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ