ปริมาณน้ำที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพการระบายน้ำฝั่งตะวันตก ท่วมนาข้าวในจังหวัดอยุธยานับ 1,000 ไร่ จนถึงกับลอยคอเกี่ยวข้าว ชาวนาเสนอให้เปิดประตูระบายน้ำดันลงเจ้าพระยา ดร.รอยลอ้างจุดที่ท่วมอยู่ห่างจากคลองรับน้ำ เหตุเพราะมีการกั้นกำแพงจนน้ำผ่านไม่ได้หรือเปล่า ประชาธิปัตย์มองว่า เป็นการทำงานไม่เรียบร้อย ต้องให้กทม.ระบายน้ำหลายเส้นทาง แทนที่จะทดลองระบบระบายน้ำ รัฐควรมาตรวจสอบว่าได้ขุดลอกคูคลองและเส้นทางระบายน้ำลงสู่ทะเลมากกว่า มิฉะนั้นหากปีนี้น้ำไม่ท่วม รัฐบาลก็จะบอกว่าระบบระบายน้ำทำได้ดี แต่ถ้าน้ำท่วมรัฐบาลก็จะโบ้ยมาให้ กทม. ด้านนายปลอดประสพเชื่อว่าหากเป็นไปตามที่คาดการณ์กทม.ปลอดภัยแน่ เดินหน้าวันที่ 7 ก.ย.ทดสอบฝั่งตะวันออก มั่นใจไม่มีปัญหา แม้กรมอุตุ ฯ ประกาศเตือนฝนตกหนัก 22 จังหวัดก็ตาม
หลังจากที่กรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ทดลองปล่อยน้ำเข้าในพื้นที่รอบนอกกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการระบายน้ำฝั่งตะวันตก ซึ่งหลายฝ่ายต่างแสดงความพอใจ แต่ปริมาณน้ำที่ใช้ในการทดสอบก็ได้ส่งผลให้พื้นที่นาในจ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับผลกระทบแล้ว โดยเฉพาะชาวนาที่อยู่ในพื้นที่ลุ่ม ต.บ้านสร้าง และ ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำในคลองชลประทานระพีพัฒน์ ที่รับน้ำมาจากเขื่อนพระราม 6 และเป็นคลองชลประทานฝั่งตะวันออก ที่ใช้เป็นเส้นทางปล่อยน้ำเข้าไปทดสอบการระบายน้ำ โดยทำให้น้ำเอ่อเข้าท่วมนาข้าวปรังกว่า 1,000 ไร่ ที่กำลังออกรวงแก่ใกล้เก็บเกี่ยวผลผลิต ทำให้ชาวนาต้องลอยคอเกี่ยวข้าวที่จมน้ำใส่เรือบรรทุกขึ้นฝั่งก่อนลำเลียงขึ้นรถนำไปตากให้แห้งด้วยความเสียดาย
นางมณี รื่นบุตร อายุ 60 ปี ทำนาปรังกว่า 30 ไร่ ระบุว่า น้ำทุ่งขึ้นเร็วมาก และท่วมนาจนเสียหาย ซึ่งแปลงนาข้าวของเพื่อนบ้านอีกหลายรายก็มีสภาพไม่ต่างกัน ต้องช่วยกันนำเรือลอยคอเกี่ยวข้าวหนีน้ำกันตลอดทั้งวัน จึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ และช่วยเหลือชดเชยเงินเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน เนื่องจากน้ำที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วส่วนหนึ่งเกิดจากภาครัฐที่ปล่อยน้ำลงคลองระพีพัฒน์มากเกินไปจนทะลักมาท่วมนาข้าว
นายศุภฤกษ์ กลั่นกล้า นายก อบต.สามเรือน เผยว่า กำลังเร่งสำรวจความเสียหาย เสนอไปยังอำเภอและจังหวัดเพื่อขอรับการช่วยเหลือ เพราะน้ำท่วมสร้างความเสียหาย และต้องเร่งประชุมร่วมระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่อยู่สองฝั่งคลองโพธิ์ที่ได้รับผลกระทบ และหน่วยงานกรมชลประทานในการหาทางแก้ไขน้ำที่ไหลเข้ามามากและไม่มีทางออก ซึ่งล่าสุดชาวนาเสนอให้เปิดประตูระบายน้ำบ้านหว้าเพื่อดันน้ำลงเจ้าพระยาได้ เพราะว่าระดับน้ำในคลองโพธิ์สูงกว่าระดับน้ำเจ้าพระยาถึง 1 เมตร
ด้านดร.รอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) กล่าวในเรื่องนี้ว่า จุดที่เกิดน้ำท่วมนั้นห่างจากคลองรับน้ำถึง 20 ก.ม. โดยมีการหุบประตูระบายน้ำพระราม 6 เพื่อให้น้ำเข้าคลองระพีพัฒน์แยกใต้ โดยส่งน้ำมาทางคลองหกวา เพื่อไม่ให้น้ำเข้าบางปะอิน แต่ในพื้นที่น้ำท่วมนั้นมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 10-20 มิลลิเมตรต่อเนื่องเกินสัปดาห์ จึงต้องไปดูด้วยว่า มีการกั้นกำแพงจนน้ำไม่สามารถไหลไปที่อื่นได้หรือไม่ ส่วนกรณีที่ กทม.เปิดประตูคลองทวีวัฒนาในช่วงเช้าก่อนเวลาทดสอบนั้น นายรอยล ยอมรับว่า การตัดสินใจเปิดประตูระบายน้ำของ กทม. ในช่วงเช้า ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เพราะเป็นช่วงที่น้ำทะเลขึ้นสูง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กลับมองว่า เป็นการทำงานที่ยังไม่เรียบร้อย และถ้าเกิดปัญหารัฐบาลก็ต้องเร่งแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ที่สำคัญต้องทำเพิ่มเติมจากบทเรียนน้ำท่วมปีที่ผ่านมาคือ การให้ กทม.ระบายน้ำหลากหลายเส้นทาง โดยควรระบายไปยังฝั่งตะวันออก เช่น จ.สมุทรปราการ ซึ่งสามารถระบายลงทะเลได้เร็ว แต่จนถึงบัดนี้รัฐบาลยังไม่มีการดำเนินการในส่วนนี้เลย นายณัฏฐ์ บรรทัดฐาน รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงผลการติดตามการทดลองระบบระบายน้ำว่า การปล่อยน้ำเพียง 3 ลบ.ม.ต่อวินาที ไม่สามารถวัดผลของระบบการระบายน้ำได้อย่างแท้จริง ดังนั้นแทนที่จะทดลองระบบระบายน้ำ รัฐบาลควรมาตรวจสอบว่า ได้ขุดลอกคูคลองและเส้นทางระบายน้ำลงสู่ทะเลใน 7 จุด ที่เป็นปัญหาจนก่อให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ เมื่อปี 2554 เสร็จเรียบร้อยหรือไม่มากกว่า มิฉะนั้นหากปีนี้น้ำไม่ท่วม รัฐบาลก็จะบอกว่า ระบบระบายน้ำทำได้ดี แต่ถ้าน้ำท่วมรัฐบาลก็จะโบ้ยมาให้ กทม.
วันเดียวกัน กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเรื่อง "สภาวะฝนตกหนักถึงหนักมาก" ฉบับที่ 22 ระบุว่า ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง ซึ่งหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงนี้มีแนวโน้มเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคอีสานตอนล่าง และภาคกลาง ในระยะต่อไป ทำให้มีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณจังหวัดตาก, กำแพงเพชร, พิจิตร, เพชรบูรณ์, หนองคาย , บึงกาฬ, นครพนม, ชัยภูมิ, อำนาจเจริญ, นครราชสีมา, บุรีรัมย์, สุรินทร์,ศรีสะเกษ, อุบลราชธานี, นครสวรรค์, อุทัยธานี, ลพบุรี, สระบุรี, นครนายก,ปราจีนบุรี, สระแก้ว, จันทบุรี และตราด ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากในช่วงวันที่ 5-7 ก.ย.นี้.
ในขณะที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) บอกว่า การทดสอบวันนี้จะถูกนำไปปรับแก้แบบจำลองบนโต๊ะ หากได้ผลตามที่คาดการณ์ไว้ เชื่อว่าปีนี้ชาว กทม.จะปลอดภัยจากน้ำท่วมแน่นอน ขอให้ทุกคนให้เลิกกังวลใจ ส่วนการทดสอบการระบายน้ำในฝั่งตะวันออกในวันที่ 7 ก.ย.นี้ จะเป็นคนละแบบกัน เพราะพื้นที่ฝั่งตะวันออกนั้นทำยากกว่ามาก เนื่องจากมีอุปสรรคจากหลายปัจจัย เช่น คลองแคบ มีสิ่งก่อสร้างรุกล้ำ 2 ฝั่งคลอง และประชาชนอยู่อาศัยมาก แต่มั่นใจว่าจะไม่มีปัญหา
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ