แพทย์ชนบทร้องผู้ตรวจการฯสอบ‘บิ๊กสธ.’ บีบร.พ.ใช้งบค่าเสื่อม-ซื้อครุภัณฑ์แพง   ส่งคนนัดประชุมหมอภูมิภาคเขียนใบสั่งซื้อ

26 มิ.ย. 2555 | อ่านแล้ว 808 ครั้ง

จากกรณีชมรมแพทย์ชนบท ยื่นเอกสารหลักฐานให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) และผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ตรวจสอบการอนุมัติจัดซื้อเครื่องซักผ้าอัตโนมัติแบบอุโมงค์ ที่ตั้งราคาสูงถึงเครื่องละ 39.3 ล้านบาท และเครื่องเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรมในสภาพจริง (เครื่องตรวจ DNA) เครื่องละ 8.5 ล้านบาท โดยระบุว่าสูงกว่าราคาจัดซื้อจริงที่ 3.38 ล้านบาท พร้อมกับครุภัณฑ์ทางการแพทย์อื่นๆ ในเงินงบลงทุนค่าเสื่อม ของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 502.6 ล้านบาท ที่เป็นอำนาจอนุมัติของกระทรวงสาธารณสุข พร้อมทั้งให้สอบสวนนายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข และน.พ.ไพจิตร วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข

 

 

แพทย์ชนบทแฉสธ.บีบร.พ.ใช้งบค่าเสื่อม-น้ำท่วม

 

 

น.พ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ อดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท เปิดเผยว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้มีหลายโรงพยาบาล และกลุ่มคนรักกระทรวงสาธารณสุข ทยอยส่งเอกสารหลักฐาน เปิดโปงขบวนการหาเงินทอน จากงบประมาณบริการคนไข้ดังกล่าว มายังชมรมแพทย์ชนบทอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนว่า หลังจากที่กลุ่มผลประโยชน์เอกชนและฝ่ายการเมือง เข้ายึดครองเสียงข้างมาก ในคณะกรรมการสปสช.แล้ว มีการส่งคนใกล้ชิด ร่วมกับพ่อค้าในเครือข่ายเรียกประชุมผู้บริหารโรงพยาบาลบางแห่งในภูมิภาค ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง พร้อมส่งรายการและราคาเครื่องมือทางการแพทย์ให้ผู้บริหารโรงพยาบาล ทำคำขอตามแบบฟอร์มที่กำหนดไว้แล้ว เพื่อให้กระทรวงสาธารณสุขและเขตตรวจราชการบางเขตอนุมัติงบประมาณ โดยอ้างว่าผู้มีอำนาจมากในกระทรวง เตรียมงบลงทุนค่าเสื่อมกว่า 500 ล้านบาท และงบช่วยน้ำท่วมกว่า 300 ล้านบาทไว้แล้ว

 

 

อดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า ล่าสุดน.พ.ไพจิตร วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงนามอนุมัติครุภัณฑ์จากงบลงทุนค่าเสื่อมแล้ว 307.7 ล้านบาท เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จัดสรรให้โรงพยาบาลต่างๆ ทั้งที่ได้ทำคำขอเข้ามาและไม่ได้ขอ โดยครุภัณฑ์ดังกล่าวมีหลายรายการที่มีปัญหาความเหมาะสมหรือโรงพยาบาลไม่มีความจำเป็นต้องใช้ เช่น เครื่องเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรม หรือเครื่องตรวจ DNA ที่ส่วนใหญ่ใช้กับโรงพยาบาลขนาดใหญ่ โดยอนุมัติซื้อในราคา 8.5 ล้านบาท ให้กับโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า โรงพยาบาลนครพิงค์ โรงพยาบาลราชบุรี โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ และโรงพยาบาลหาดใหญ่ ขณะที่มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก ซื้อในราคาเพียง 3.38 ล้านบาท

 

 

ซื้อครุภัณฑ์ไม่จำเป็นยัดร.พ.แพงเกินจริง

 

 

น.พ.อารักษ์กล่าวด้วยว่า จากเอกสารที่ได้รับจากโรงพยาบาลต่างๆ และภายในกระทรวงสาธารณสุขยังมีการอนุมัติเครื่องมือทางการแพทย์ราคาสูงอีกหลายรายการ ที่มีการประสานงานกันอย่างเป็นขบวนการจากผู้ใกล้ชิดผู้มีอำนาจในกระทรวงสาธารณสุข ออกเดินสายบังคับให้โรงพยาบาลต่างๆ ทำคำขอตามแบบฟอร์ม ที่บริษัทเอกชนกำหนดไว้แล้ว เหมือนกรณีทุจริตยาในอดีต หรือกรณีงบไทยเข้มแข็งสมัยรัฐบาลที่แล้ว ที่ถูกสังคมตรวจสอบอย่างหนัก จนมีการทบทวนรายการครุภัณฑ์การแพทย์ เหลือเฉพาะเท่าที่จำเป็นและลดราคาประหยัดงบประมาณได้หลายพันล้านบาท

 

“ขบวนการเขมือบงบลงทุนค่าเสื่อมกว่า 500 ล้านบาท และงบช่วยน้ำท่วมอีกกว่า 300 ล้านบาททำกันอย่างโจ่งแจ้ง รีบร้อน คล้ายกับผู้มีอำนาจมีเวลาจำกัด โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย และประชาคมภายในกระทรวงสาธารณสุข ที่มีระบบตรวจสอบที่ไม่กลัวต่ออำนาจมืดทางการเมือง เหมือนกระทรวงอื่นๆกลัวกัน ดูตัวอย่างการอนุมัติเครื่องซักผ้าอัตโนมัติแบบอุโมงค์ ที่ตั้งให้โรงพยาบาลตรัง จำนวน 1 เครื่อง ราคา 39.3 ล้านบาท โดยไม่คำนึงถึงขนาดของโรงพยาบาล ความจำเป็นต้องใช้งาน และภาระการบำรุงรักษา ว่าคุ้มค่าหรือไม่ และไม่เกรงกลัวว่ากรณีลักษณ์ดังกล่าวเคยถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษสอบ และเปิดเผยเป็นข่าวว่า มีมูลเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ” น.พ.อารักษ์กล่าว

 

ขณะที่ น.พ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า เรื่องนี้หากปปช. หรือผู้ตรวจการแผ่นดิน ต้องการให้ชี้แจงก็พร้อม เนื่องจากทุกอย่างมีข้อมูลหมด แต่ตอนนี้ยังไม่ขอพูดอะไรมาก ขอเป็นเรื่องของการชี้แจงดีกว่า

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับงบค่าเสื่อม หมายถึง เงินกองทุน ที่ใช้ในการจัดหาเพื่อการทดแทน หรือ ซ่อมบำรุง ครุภัณฑ์ สิ่งก่อสร้างที่เสื่อมสภาพ หรือ ถดถอย หรือ เสียหาย จนไม่สามารถใช้งานได้เหมือนเดิม จากการให้บริการสาธารณสุข แก่ผู้มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพ โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบจัดสรรเงินกองทุนนี้ให้กับสถานบริการทุกแห่งคือ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)

 

แต่งดำยกขบวนร้องผู้ตรวจการแผ่นดินสอบรมว.-ปลัดฯ

 

 

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่  19 มิถุนายน 2555 ที่ผ่านมา น.พ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.ร.พ.ชุมแพ ในฐานะประธานชมรมแพทย์ชนบท พร้อมด้วยบุคลาการโรงพยาบาลชุมชน และเจ้าหน้าที่พยาบาล รวม 100 คน แต่งกายชุดดำ เข้ายื่นหนังสือต่อนายประวิช  รัตนเพียร ผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้ตรวจสอบการทำงานของนายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข และ น.พ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่มีพฤติกรรมส่อไปในทางประพฤติมิชอบ และอาจเอื้อให้การเกิดทุจริตได้ ต่อการพิจารณางบประมาณที่กระทรวงสาธารณสุขควรจะได้รับ

 

น.พ.เกรียงศักดิ์กล่าวว่า การร้องเรียนครั้งนี้เนื่องจากเห็นชัดว่า ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุขทั้ง 2 ท่าน มีความพยายามละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ต่อกรณีการดำเนินการใน 2 ส่วน  ประกอบด้วย 1.มีพฤติกรรมมิชอบต่อหน้าที่ราชการ กรณีโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 หรือโครงการเงินกู้ DPL (Development Policy Loan) โดยโครงการดังกล่าว ผ่านการพิจารณางบประมาณในสมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้รับงบประมาณเพื่อซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ต่างๆ  3,426,349,100 บาท และกระทรวงศึกษาธิการได้กว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งมีการจัดซื้อจัดจ้างเรียบร้อยแล้ว เมื่อปลายปี 2554 แต่ยังไม่ทันได้ดำเนินการก็เปลี่ยนรัฐบาล

 

 

“ปัญหาอยู่ที่ว่า เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาล กระทรวงการคลังก็ทำหน้าที่ให้กระทรวงที่ได้รับงบประมาณดังกล่าว ยืนยันความจำเป็นเข้ามา ปรากฎว่า มีเพียงกระทรวงศึกษาธิการที่ดำเนินการจนได้รับงบประมาณไปใช้ประโยชน์แล้ว เหลือเพียงกระทรวงสาธารณสุข ที่ไม่มีการยืนยันความจำเป็น ทั้งๆที่มีการทวงถามอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2555 และวันที่ 12 มิถุนายน 2555 โดยขอให้ส่งเรื่องมาภายในวันที่15 มิ.ย.มิฉะนั้นจะพิจารณาจัดสรรงบประมาณส่วนนี้ให้กับโครงการอื่นต่อไป ซึ่งแว่วมาว่ากระทรวงคมนาคมรอจ่อคิวอยู่ ตรงนี้จะทำให้เสียโอกาสในการจัดซื้อครุภัณฑ์ที่เป็นประโยชน์ ทั้งเครื่องช่วยหายใจ เครื่องฉายรังสี ต้องยุติลง จึงไม่เข้าใจว่า รมว.สาธารณสุขและปลัดกระทรวงสาธารณสุข มัวทำอะไร และจนบัดนี้ก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายโดนหักงบไปแล้วหรือยัง เรื่องนี้จึงน่าคิดว่าในเมื่องบฯมารออยู่ เพราะเหตุใดจึงปล่อยผ่านไป หรือมีอะไรที่บอกใครไม่ได้" น.พ.เกรียงศักดิ์กล่าว

 

สงสัยซื้อของไม่มีราคากลาง

 

 

ประธานชมรมฯกล่าวต่อว่า  2.พฤติกรรมที่ส่อเจตนาเอื้อกับการทุจริตงบประมาณค่าเสื่อม ของหน่วยบริการ โดยปลัดกระทรวงสาธารณสุข มีการอนุมัติงบประมาณจัดซื้อเครื่องซักผ้าอุโมงค์ ที่มีราคาแพงถึง 39.3 ล้านบาท และเครื่องเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรม 8.5 ล้านบาท ขณะที่มหาวิทยาลัยนเรศวรมีการจัดซื้อเครื่องชนิดเดียวกัน แต่กลับสั่งซื้อได้ในราคา 3.5-4.3 ล้านบาท ชัดเจนว่าแปลกๆ เพราะราคาที่ปลัด สธ.ลงนามไปนั้นไม่ใช่ราคากลางเมื่อเทียบกับที่อื่น

 

“ทั้งหมดเป็นเพียงตัวอย่าง ซึ่งไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย ขอแค่ความเป็นธรรม เนื่องจากคุรุภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ต่างๆ มีประโยชน์ และสำคัญในการช่วยชีวิตผู้ป่วย การได้รับงบประมาณช้าเพียง 1 วัน ผู้ป่วยที่เสี่ยงก็เสียชีวิตได้ จึงอยากให้รัฐบาลตระหนัก และขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบเรื่องนี้  และจะร้องเรียนไปยัง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ช่วยตรวจสอบและถอดถอนนายวิทยา และน.พ.ไพจิตร์ ออกจากตำแหน่ง เพราะถือว่าไม่เหมาะสมต่อการทำหน้าที่อีกต่อไป” น.พ.เกรียงศักดิ์กล่าว

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเด็นดังกล่าวเคยหารือกับรมว.สาธารณสุข และปลัดกระทรวงสาธารณสุขโดยตรงหรือไม่ น.พ.เกรียงศักดิ์กล่าวว่า เคย โดยทำเป็นหนังสือ และยังทำส่งถึงนายกรัฐมนตรีโดยตรงด้วย อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จำเป็นจริงๆ วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบด้วย

 

ด้านนายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข  กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า โครงการเงินกู้ DPL นั้น เป็นโครงการที่ต่อเนื่องมาจากโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งเมื่อมาสู่รัฐบาลนี้ ก็เปลี่ยนเป็นโครงการเงินกู้ และเป็นเรื่องที่อยู่ในมติครม.อยู่แล้ว ซึ่งตนได้เสนอต่อครม.ไป และอยู่ระหว่างการสอบความชัดเจน  ซึ่งขอย้ำว่าตนไม่ขัดข้องที่จะเสนอกู้เงินให้อยู่แล้ว แต่ขณะนี้เรื่องดังกล่าวกำลังอยู่ในกระบวนการ ขั้นตอนของการตรวจสอบว่ามีความจำเป็นจริงหรือไม่อย่างไร โดย น.พ.โสภณ เมฆธน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่ง น.พ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ก็รับทราบเรื่องนี้อยู่ ส่วนกรณีที่น.พ.เกรียงศักดิ์ จะยื่นร้องเรียนนั้น ก็ไม่เป็นไร และไม่จำเป็นต้องชี้แจงอะไร

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ

  

Like this article:
Social share: