คณะผู้เชี่ยวชาญได้เสนอแนะหน่วยงานที่ควบคุมดูแลให้อนุมัติการใช้ยาต้านชื่อ Truvada ที่ใช้รับประทานทุกวัน สำหรับประชาชนที่ถูกประเมินแล้วว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับเชื้อไวรัส HIV แต่ก็มีนักเคลื่อนไหวเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อ HIV จำนวนหนึ่ง ได้ออกมาคัดค้านการอนุมัติการใช้ยาในครั้งนี้
ยาTruvada ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา(FDA)แล้ว เพื่อใช้กับผู้ติดเชื้อ HIV ซึ่งจะใช้ควบคู่ไปกับยาต้านไวรัสที่มีอยู่ก่อน
ผลจากการวิจัยในปี 2010 พบว่า ยา Truvada ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อของชายสุขภาพดีที่เป็นเกย์ และระหว่างคู่นอน ชายหรือหญิง ที่มีเพศสัมพันธ์แบบชายหญิงที่ไม่ติดเชื้อที่มีคู่นอนเป็นผู้ติดเชื้อได้ระหว่าง 44% และ73% ตามลำดับ
คณะที่ปรึกษายาต้านไวรัสที่ให้คำปรึกษากับ FDA ได้ลงคะแนน 19 ต่อ 3 เสียง รับรองการสั่งจ่ายยาสำหรับกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงและกลุ่มชายรักชายที่ยังไม่ติดเชื้อที่มีคู่นอนหลายคน และยังได้อนุมัติให้ใช้ยาตัวนี้กับกลุ่มผู้ไม่ติดเชื้อที่มีคู่นอนติดเชื้อHIVและกลุ่มอื่นๆที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์
ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการอนุมัติให้ใช้ยา Truvada กังวลว่าจะทำให้ผู้ใช้ยาเกิดความประมาทในการระวังตนเองระหว่างมีเพศสัมพันธ์ และเกรงว่ายาจะทำให้เชื้อดื้อยา และยังมีความกังวลเกี่ยวกับราคาที่สูงของยาตัวนี้ที่จะส่งผลต่องบสนับสนุนที่มีอยู่อย่างจำกัดที่จะสนับสนุนการค้นหายาตัวใหม่ที่มีต้นทุนที่ต่ำกว่า
โจอี้ เทอร์ริล แห่งมูลนิธิที่ดูแลสุขภาพผู้ป่วยเอดส์ซึ่งรณรงค์ยับยั้งการอนุมัติให้ใช้ยาตัวนี้กล่าวว่า “เราต้องการให้มีการชะลอการอนุมัติออกไป” ยังมีความเห็นจากพยาบาลที่ว่า “ยา Truvada เป็นยาที่ต้องรับประทานติดต่อกันทุกวันอย่างต่อเนื่อง และจากประสบการณ์การเป็นพยาบาลวิชาชีพ ฉันยังไม่พบใครที่จะรับผิดชอบการรับประทานยาได้อย่างต่อเนื่องเลยสักคน” แต่ก็ยังมีความเห็นจากอีกฝ่ายที่สนับสนุนแนวคิดในการใช้ยาตัวนี้จาก มิชเชล วอร์เรน ผู้อำนวยการหน่วยความร่วมมือเพื่อรณรงค์การใช้วัคซีนป้องกันเอดส์ว่า “ยาตัวนี้จะนำเราเข้าใกล้จุดเปลี่ยนในการป้องกันการติดเชื้อ HIV ได้ในระดับโลก หลังผ่านการโหวตรับรองแล้ว”
เซอร์ นิค แพททริก ผู้บริหารสูงสุดของ Terrence Higgins Trust กล่าวว่า “ยังไม่มีวิธีการรักษาแบบเดี่ยวที่สามารถหยุดยั้งการถ่ายทอดเชื้อ HIV ได้ การเพิ่มการใช้ยา Truvada ร่วมกับโปรแกรมการป้องกันตนเองที่มีอยู่เดิมรวมถึงการรณรงค์เรื่องการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยโดยการใช้ถุงยางอนามัยและการตรวจเลือดหาเชื้อ HIV อย่างสม่ำเสมอ คือวิธีการป้องกันที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้
นอกจากนี้ คาดว่าFDA น่าจะตัดสินใจให้มีการใช้ยากับผู้ไม่ติดเชื้อหรือไม่ในวันที่ 15 มิถุนายน ศกนี้
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ