Nappily Ever After: Love me, love my hair. รักฉัน ต้องรักผม (หยิกๆ) ของฉันด้วย

ภัทรัตน์ พันธุ์ประสิทธิ์: 25 ก.ย. 2561 | อ่านแล้ว 4722 ครั้ง


บทความชิ้นนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์ 

หากคุณเป็นผู้หญิงที่เกิดมาพร้อมกับผมสลวย เรียบลื่น ไม่ชี้ฟู หวีง่ายไม่สะดุด จะตัดหรือเปลี่ยนเป็นทรงใดที่ต้องการก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย เวลาลมพัดมาก็ใช้แค่นิ้วสางให้ผมเข้าทรง เดินไปทางไหนก็รู้สึกเหมือนกับนางแบบโฆษณายาสระผม เวลาที่ฝนตก ผมเปียกก็ทำเพียงแค่เป่าหรือเช็ดให้แห้ง นั่นคงจะดีไม่น้อย แต่หากคุณเป็นผู้หญิงที่ผมชี้ฟู เส้นผมหยาบหนา หยักหยิกจนไม่เป็นทรง ไม่ว่าจะพยายามไดร์ ตัด เล็ม หรือใช้ตัวช่วยเป็นเครื่องตกแต่งทรงผมที่มีให้เลือกสารพัดอย่าง ขอเพียงก้าวขาออกจากบ้านในวันที่ฝนฟ้าไม่เป็นใจ ผมที่อุตส่าห์ใช้เวลาหลายสิบนาทีหรือเป็นชั่วโมงก็อาจจะกลับคืนสู่สภาพความไม่เป็นทรงได้ง่ายๆ เรียกได้ว่า “ผมที่เป็นธรรมชาติ” อาจไม่ได้สวยแบบเป็นธรรมชาติหรืออาจเป็นธรรมชาติลงโทษ เมื่อนั้น “ผม” จะกลายมาเป็นปัญหาหนักอกของคุณทันที

ความกังวลเกี่ยวกับเส้นผมของผู้หญิงทั่วโลกอาจวัดได้จากบรรดากองทัพโฆษณาแชมพู ครีมนวด น้ำยาบำรุงผม ตลอดจนตัวช่วยอื่นๆที่มีอย่างมากมาย จุดเน้นของผลิตภัณฑ์เหล่านี้คือการช่วยให้ผู้หญิงมั่นใจกับการมีผมที่สลวยสวยเก๋ เรียบลื่นเป็นมันขลับ สามารถสะบัดไปมาได้อย่างมั่นใจ กระนั้น แม้ว่าจะมีโฆษณาออกมามามาย เรากลับไม่ได้คิดอย่างจริงจังถึงเรื่องราวของผมและความไม่เป็นทรงของทรงผมที่มาสัมพันธ์กับชีวิตและชีวิตรักของผู้หญิง ใครจะไปคิดว่าโลกในยุคปัจจุบันสังคมจะยังจริงจังกับเรื่องราวของเส้นผมและทรงผมของผู้หญิงอยู่อีก (!)

 

Nappily Ever After เป็นภาพยนตร์เรื่องใหม่ของ Netflix ที่จะพาเราไปมองเห็นอีกแง่มุมหนึ่งของความสำคัญของเส้นผมและทรงผมที่มีต่อผู้หญิง ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงจากนิยายชื่อเดียวกันที่เขียนโดย Trisha R. Thomas และกำกับการแสดงโดย Haifaa al-Mansour เนื้อเรื่องคร่าวๆ คือเรื่องราวของผู้หญิงทำงานในสายโฆษณาที่เก่งและแสนจะสมบูรณ์แบบ ไวโอเล็ตหรือวี (Violet) ที่คบหากับคุณหมอหนุ่มนามว่า คลินท์ (Clint) มานานเกือบสองปี ในคืนหนึ่งที่เธอแอบไปเห็นกล่องของขวัญเล็กจิ๋วในสูทของแฟน จึงคิดว่าแฟนหนุ่มกำลังจะขอแต่งงานกับเธอในวันครบรอบวันเกิดของเธอที่จะจัดในวันรุ่งขึ้นอย่างแน่นอน แต่แฟนหนุ่มของเธอกลับไม่ได้ขอแต่งงาน ของขวัญที่เขาให้กลับเป็นปลอกคอสุนัขพร้อมกับสุนัขชิวาว่าตัวจิ๋ว ไวโอเล็ตไม่พอใจ ทั้งคู่มีปากเสียงกัน ทะเลาะ และลงเอยด้วยการเลิกรา เพราะคลินท์ แฟนหนุ่มกล่าวว่าสองปีที่ผ่านมาไวโอเล็ตทำตัว “เพอร์เฟค” เกินไปจนเขาอึดอัด เรื่องที่ตามมาหลังจากนั้นคือการพยายามกอบกู้ชีวิตรักที่ล้มเหลว ตั้งคำถามต่อความงามที่คนรอบข้างมองหา และสิ่งที่เธอต้องการจะเป็นจริงๆ

ไวโอเล็ตเป็นสาวแอฟริกัน-อเมริกัน เธอเติบโตขึ้นพร้อมกับความคาดหวังของแม่ที่มีอยู่เต็มเปี่ยมว่าลูกสาวจะต้องเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมและสวย จึงสามารถที่จะหาแฟนและแต่งงานกับผู้ชายดีๆได้ แต่อุปสรรคที่ขวางหน้าอย่างชัดเจนคือ “เส้นผม” ผมของไวโอเล็ตทั้งหยิกและหนา ผมแบบนี้สะท้อนความเป็น “แอฟริกัน” ของเธอที่ผู้เป็นแม่ (ที่ผมหยักเล็กน้อยและจัดทรงเรียบร้อยตลอดเวลา) ไม่ปรารถนาจะให้เป็น ดังนั้นตั้งแต่เด็ก ไวโอเล็ตจะต้องนั่งนิ่งให้ผู้เป็นแม่ให้หวีร้อนค่อยๆหวีผมให้ผมเรียบตรง ไวโอเล็ตไม่สามารถลงเล่นน้ำในสระว่ายน้ำได้เหมือนกับเด็กหญิงผิวขาวคนอื่นๆที่ผมหยักศกน่ารัก มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ไวโอเล็ตห้ามใจไม่ไหว กระโดดลงเล่นน้ำกับเพื่อนผู้ชาย เมื่อลงน้ำ ผมเรียบตรงของเธอกลายสภาพเป็นผมหยิกฟูทันทีจนเด็กผู้ชายตกใจว่าทำไมผมของเธอจึงเปลี่ยนไป ผลลัพธ์คือผู้เป็นแม่รีบพาเธอขึ้นจากสระว่ายน้ำและกลับบ้าน เพราะไม่ต้องการให้คนอื่นๆเห็นผมของลูกสาว

แม้กระทั่งตอนโตไวโอเล็ตก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ทุกเช้าเลขาฯของเธอจะรายงานสภาพอากาศและความชื้น (เพราะความชื้นจะทำให้ผมที่ไดร์หรือหนีบด้วยความร้อนกลับคืนสภาพเดิม) แม้กระทั่งวันที่ออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ไวโอเล็ตก็จะต้องคอยมองท้องฟ้าเพื่อดูว่าฝนจะตกหรือไม่ อยู่ตลอดเวลา “ผม” จึงเป็นสิ่งที่ครอบงำความคิดของหญิงสาวอยู่ตลอดเวลาจนแทบจะไม่เป็นอันทำอะไร แม้แต่คืนก่อนที่หญิงสาวคิดว่าแฟนหนุ่มจะขอเธอแต่งงาน ไวโอเล็ตก็ได้โทรศัพท์หาแม่ของเธอเพื่อมาทำหน้าที่สำคัญในตอนเช้าตรู่ก่อนที่แฟนหนุ่มจะตื่น นั่นก็คือการมาหนีบผมหยิกๆของเธอให้เรียบตรง ดูดีพร้อมรับค่ำคืนที่สำคัญ

เมื่อเลิกรากับแฟนหนุ่ม หลังจากกลับบ้านด้วยความเมามาย เธอตัดสินใจเก็บบ้านและทิ้งข้าวของของแฟนหนุ่มจนหมด ไวโอเล็ตพบปัตตาเลี่ยนและตัดสินใจโกนผมออกจนหมด ผมทรงใหม่ทำให้ไวโอเล็ตไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดทรงผมให้เข้ารูปเข้ารอยอีกต่อไป ใช้เวลากับกิจกรรมอื่นๆในชีวิตมากขึ้นและใช้ชีวิตในแบบที่ไม่ต้องสมบูรณ์แบบอย่างที่เคยเป็น เธอพบกับชายหนุ่มพ่อลูกติดเจ้าของร้านทำผม เขากำลังคิดค้นสูตรแชมพูและครีมนวดผมที่จะช่วยให้ผู้หญิงทุกคนได้ใช้และรู้สึกมั่นใจในเส้นผมธรรมชาติของตัวเอง ในตอนท้าย แม้ว่าทั้งคู่จะไม่ได้ลงเลยกันเหมือนที่ควรจะเป็นในภาพยนตร์รักทั่วไป แต่เราได้เห็นว่าทั้งคู่มีความสุขที่จะทำงานร่วมกันเพื่อช่วยให้ผู้หญิงทั่วโลกได้มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น

เรื่องราวของไวโอเล็ตอาจจะดูไร้สาระที่ชวนให้หัวเราะ แต่ในความเป็นจริง มีผู้หญิงอีกจำนวนมากที่ยังคงหมกมุ่นอยู่กับการทำให้ทรงผมของตัวเองนั้นออกมา “สมบูรณ์แบบ” เราจึงได้เห็นสารพัดสูตรแชมพูและครีมนวดผม อุปกรณ์ตัวช่วยในการจัดทรงผม ตลอดจนคำคร่ำครวญของผู้หญิงเกี่ยวกับการไปเปลี่ยนทรงผมแล้วไม่ถูกใจหรือไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง เรียกว่าเปลี่ยนทรงผมครั้งหนึ่งก็ชีวิตเปลี่ยนไปเหมือนกัน จนกว่าผมที่เปลี่ยนทรงมาจะเข้ารูปเข้ารอย เพราะเหตุนี้ผู้หญิงบางคนนิยมไปตัดผมให้สั้นเมื่ออกหักหรือเลิกรากับแฟน นัยว่าเพื่อเป็นการเริ่มต้นใหม่ให้กับตัวเอง มองจากมุมผู้หญิง ผมจึงเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับผู้หญิงไม่แพ้เครื่องสำอางและเสื้อผ้า

ขณะที่รองเท้าส้นสูงและยกทรงกลายมาเป็นสัญลักษณ์ในการต่อต้านการครอบงำของผู้ชายหรือระบอบชายเป็นใหญ่ในสังคม (ระบอบปิตาธิปไตย) ทรงผมดูจะได้รับความสนใจน้อยกว่ามาก หากคิดให้ละเอียดแล้ว จะพบว่าทรงผมของผู้หญิงจำกัดอยู่เพียงไม่กี่ทรง ผู้หญิงผมยาว (ส่วนใหญ่) มีภาพลักษณ์ของผู้หญิงเรียบร้อย น่าทะนุถนอม เป็นกุลสตรี (จากการที่พวกเธอเอาใจใส่ได้แม้แต่เส้นผม) ผู้หญิงผมสั้น (ส่วนใหญ่) มีภาพลักษณ์ของผู้หญิงขี้เล่น คล่องแคล่วกระฉับกระเฉง ผู้หญิงที่ตัดผมจนสั้นกุด (ส่วนใหญ่) มีภาพลักษณ์ของผู้หญิงที่เป็นขบถต่อสังคม ไม่สนใจมาตรฐานความงาม อยู่ในช่วงอกหักรักคุด หรือแม้แต่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าชอบเพศเดียวกัน (อย่างกรณีสังคมไทยเป็นต้น) ยังไม่นับรวมสีผมที่ก็ถูกนำไปเชื่อมโยงกับเชื้อชาติหรือลักษณะเฉพาะบางอย่างได้อีก เช่น ผมหยิกฟูคือผู้หญิงแอฟริกัน ผู้หญิงผมดำขลับคือผู้หญิงเอเชีย ผู้หญิงผมบลอนด์คือผู้หญิงที่ไม่ค่อยมีสมอง ฯลฯ

ใครกันที่บอกว่า “ผม” เป็นเรื่องไร้สาระ

ในขณะที่รองเท้าส้นสูงและแฟชั่นอื่นๆของผู้หญิงสามารถผลัดเปลี่ยนได้ง่ายดายเพียงถอดทิ้ง ทรงผมกลับเป็นสิ่งที่คงอยู่ถาวรกว่านั้นมากและเป็นเสมือนภาพสะท้อนตัวตนของผู้เป็นเจ้าของทรงผมนั้นๆ ตอนเกือบจะท้ายของเรื่อง แฟนหนุ่มของไวโอเล็ตกลับมาขอคืนดี ทั้งคู่จัดงานเลี้ยงเพื่อประกาศการหมั้น ขณะกำลังแต่งตัวแฟนหนุ่มกังวลว่างานจะออกมาไม่ “เพอร์เฟค” ก่อนจะขอให้เธอหนีบผมให้ตรง เขากล่าวว่าปกติผู้หญิงก็เปลี่ยนทรงผมเป็นปกติอยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องที่เขาขอให้เธอทำผมให้เรียบตรงเป็นพิเศษในคืนนี้ก็น่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไวโอเล็ตตัดสินใจทำผมให้ตรง ออกไปต้อนรับแขก งานผ่านไปจนเกือบถึงการประกาศการหมั้น หญิงสาวนั่งพัก ถอดรองเท้าส้นสูงออกด้วยความเมื่อย ก่อนจะคิดว่าเธอไม่ต้องการให้ชีวิตเป็นแบบนี้ตลอดไป ความสวยและความสมบูรณ์แบบไม่ได้เป็นอะไรมากกว่าความคาดหวังที่คนอื่นมีต่อเธอ ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ ไวโอเล็ตเดินออกมาที่บริเวณงาน กระโดดลงสระน้ำ ปล่อยให้ผมกลับมาหยิกดังเดิม แน่นอนว่าหลังจากนั้นงานประกาศหมั้นยุติลงพร้อมกับความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่ม

ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความหมกมุ่นของผู้หญิงต่อการจัดแต่งทรงผมเพียงเพื่อจะให้คนอื่นประทับใจ เพราะแม้แต่การเลือกทรงผม การเปลี่ยนทรงผม การจัดแต่งเส้นผม ที่อยู่บนศีรษะของตัวเอง ก็ยังดูเป็นเรื่องของคนอื่น เอาเข้าจริงเส้นผมของผู้หญิงนั้นเป็นสิ่งที่สังคมพยายามเข้ามาควบคุมอยู่ตลอดมาตั้งแต่ในอดีต ผู้หญิงตะวันตกในยุคกลางจะต้องคลุมผมให้เรียบร้อย เช่นเดียวกับผู้หญิงมุสลิมในปัจจุบัน สำหรับศาสนาพุทธแม่ชีหรือภิกษุณีจำต้องโกนผม เพราะผมถือเป็นสิ่งที่จะก่อให้เกิดกิเลสต่อเนื้อหนังมังสาได้ ผมหรือทรงผมจึงไม่ใช่แค่เรื่องของเปลือกนอก แต่การควบคุมเส้นผมและทรงผมสะท้อนให้เห็นการควบคุมร่างกายและจิตใจของผู้หญิงให้เรียบร้อยตามที่สังคมต้องการ ไม่เพียงแต่เรื่องศาสนา วัฒนธรรมหรือมารยาทในสังคมบางแห่งยังมีภาพแง่ลบต่อเส้นผมของผู้หญิงที่ไม่ได้รับการจัดระเบียบให้เรียบร้อย ดังที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินถึงคำสั่งสอนของผู้ใหญ่ในสังคมไทยว่าผู้หญิงไม่ควรปล่อยผมสยายรุงรัง

ทรงผมของผู้หญิงทั้งมวลจึงไม่เคยหลุดออกจากพันธนาการของสังคมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ฉากที่ไวโอเล็ตโกนผมของเธอที่หน้ากระจก (ซึ่งนักแสดงโกนผมจริงตอนเข้าฉาก) จึงเป็นฉากที่สำคัญฉากหนึ่งที่เราได้เห็นสีหน้าของเธอ อันเป็นสีหน้าของความอิสระ อิสระจากทรงผมเดิมของเธอและอิสระจากสิ่งที่เธอถูกคาดหวังให้เป็นตลอดมาและกลายมาเป็นสิ่งที่เธอต้องการจะเลือกมันแทน แน่นอนว่าความรู้สึกในลักษณะนี้ไม่เพียงแต่เกิดกับไวโอเล็ต แต่ยังสามารถเกิดได้กับผู้หญิงคนอื่นทั่วโลกเช่นกัน

“ผม” จึงไม่ควรเป็นเรื่องของผู้ชาย เรื่องของครอบครัว หรือเรื่องของสังคม แต่ควรเป็นเรื่องของผู้หญิงคนนั้นๆต่างหากที่จะตัดสินใจว่าควรจะทำอย่างไรกับผมของเธอ ไม่ต่างกับการเคารพในเรือนร่างส่วนอื่นของผู้หญิง

ครั้งหน้าหากผู้หญิงคนไหนคิดจะตัดผมหรือจะเปลี่ยนทรงผม อาจจะไม่ต้องหันไปถามความเห็นของคนข้างๆอีกแล้ว

แด่เส้นผมธรรมชาติและทรงผมของผู้หญิงทุกคน

 

           

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: