เรื่องสั้น: หนังที่เปิดไม่ได้บนรถทัวร์

หนึ่งมกรา 23 พ.ค. 2560 | อ่านแล้ว 3551 ครั้ง


1

รถทัวร์คันใหญ่แล่นผ่าน ม่านภูผา

เงาจันทราสาดส่องทิวเมฆ ยามราตรี

ณ ค่ำคืนหนึ่งของเดือน พฤษภาคม

 

รถทัวร์รุ่น S-1932 หมายเลข 22-5-14 กำลังมุ่งหน้าผ่านถนนหมายเลข 9 รถทัวร์ไม่ประจำทางของลุงชาติชาย จะออกวิ่งก็ต่อเมื่อมีผู้ว่าจ้างเท่านั้น และครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้ง

“กลุ่มเดิมอีกแล้ว ไม่คิดจะเปลี่ยนเลยหรือไง” ลุงชาติชายหันมาบ่นกับผม ถึงกลุ่มลูกค้าขาประจำที่จ้างรถทัวร์ของลุง

“ครานี้พวกเขา จะไปไหนกันครับลุง”

“ เอ็งก็น่าจะรู้ เส้นทางของพวกเขามีเส้นเดียว ไม่เคยเปลี่ยน” ลุงตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย

อาหารเครื่องดื่มและของว่างถูกเสิร์ฟให้ผู้โดยสารทั้ง 67 ชีวิตไปไม่นาน บัดนี้ได้เวลาของการหย่อนใจ ผมเอื้อมมือไปหยิบหนังแผ่นหนังที่คุ้นเคย “เรื่องที่ 13” หน้าปกของมันเขียนไว้อย่างนั้น ลุงเคยบอกกับผมว่าแม้จะชื่อว่าเรื่องที่ 13 แต่จริง ๆ เนื้อหามันคือเรื่องเดียวกันกับ เรื่องที่ 1 เรื่องที่ 5 และไม่ต่างจากเรื่องที่ 12 เลย เดิมทีผมก็ไม่ค่อยเข้าใจที่แกลุงแกพูดหรอก เพราะผมเพิ่งมาทำงานกับลุงแกครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม ถึงได้รู้ว่าลุงแกพูดถูก มันไม่ต่างกันเลยจริง ๆ

“เมื่อไหร่จะฉายเรื่องอื่นบ้างครับลุง” ลุงชาติชาย ยิ้มอ่อน ๆ แล้วพูดขึ้นว่า

“จนกว่าผู้โดยสารจะเลือกเอง”

 “เขาไม่เบื่อกันบ้างเหรอลุง ดูแต่เรื่องเดิม ๆ มา 13 รอบละ”  ผมหันไปบ่นลุงบ้าง เมื่อพบว่าไม่มีเสียงตอบกลับ ผมจึงเอื้อมมือไปหยิบแผ่นซีดีออกจากซองมาวางบนถาดในแผ่นซีดีที่เครื่องวีดีโอ

“รอบนี้เปลี่ยนเรื่องได้ไหมพ่อหนุ่ม” เสียงดังมาจากผู้โดยสารที่นั่งอยู่ฝั่งซ้าย คำพูดที่ไม่คิดว่าจะได้ยินทำให้ผมต้องชะงัก เขาไม่ชอบหนังเรื่องนี้หรืออย่างไร ผมชักมือออก เหลือบมองไปเห็นหนังปกสีซีดวางอยู่ใกล้มือ หากไม่มีใครทักผมคงลืมไปแล้วว่ามีแผ่นนี้อยู่ “ได้เวลาฉายเรื่องนี้แล้วสินะ” ผมคิดในใจ  

“เรื่องเดิมนะดีแล้ว จะเปลี่ยนทำไม ไม่ต้องเปลี่ยนพ่อหนุ่ม รุ่นพี่เขาบอกมาว่าเรื่องนี้ดี” เสียงจากผู้โดยสารฝั่งตรงกันข้ามกับคนแรก (ฝั่งขวา)  

“ก็ใช่นะสิ ถ้าเป็นกลุ่มพวกคุณก็ต้องเรื่องเดิมอยู่แล้ว แม้จะบอกว่าเรื่องที่ 13 แต่ก็เป็นเรื่องเดิม ๆ ที่พวกคุณเคยดูนั่นแหละ มันเป็นความสุขของพวกคุณไม่ใช่หรือเรื่องนี้นะ ผมก็กำลังจะเปิดอยู่นี่ไง ปัดโถ่วว” ผมนึกในใจ

“ตกลงจะดูเรื่องไหนครับ” ผมหันไปถามผู้โดยสารให้แน่ใจอีกครั้ง

“ผมว่าเราดูเรื่องใหม่บ้างก็ดีนะครับ ดูมาสิบกว่ารอบแล้ว ไม่เห็นจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ผมอยากดูเรื่องใหม่ ๆ บ้าง การเดินทางของพวกเราจะได้มีอะไรใหม่ ๆ บ้าง ปกซีด ๆ นั่นได้ไหมพ่อหนุ่ม” ผู้โดยสารฝั่งซ้ายเสริมความคิดของตัวเอง

“เฮ้ยอะไรวะ อยากดูเรื่องอื่นก็ขึ้นคันอื่น เราขึ้นคันนี้ก็เพราะอยากดูเรื่องนี้ ก็เรื่องนี้แหละดีที่สุดแล้ว ปู่ย่าตายายเราก็ดูกันมา ไม่เห็นมีใครบ่นว่าไม่สนุก ไม่ดีเลย ขอร้องละอย่าเรื่องมาก อย่าสร้างความวุ่นวาย ใครจะรับประกันว่ามันดีกว่าเรื่องนี้ ถ้าเปิดเรื่องใหม่มันจะเสียเวลาดูไหม ดูแล้วไม่สนุกก็เปลี่ยนไม่ทันแล้ว พวกผมจ่ายค่ารถมากกว่าพวกคุณนะ ยังไงก็ขอให้พวกผมได้เลือกเถอะ” ผู้โดยสารฝั่งขวางัดท่าไม้ตาย เรื่องค่าตั๋วมาอ้างความชอบธรรม  

ผมละอยากจะตามใจตัวเองจริง ๆ อยากจะหยิบหนังปกซีดมาเปิดให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย

“หนังซีดนะเหรอ ลุงเองก็ไม่เคยดูหรอกนะ เพื่อนกันหยิบมาฝากจากอังกฤษ ให้เสียงเป็นภาษาไทยแล้วนะ สงสัยไม่ถูกรสนิยมผู้โดยสารกลุ่มเดิม” ลุงชาติชายเคยบอกกับผมแบบนั้น นั่นนะสิ ผมเองก็อยากดูนะ แต่ก็เอาเถอะ ลุงเป็นคนขับ ผมเป็นคนเปิด ผู้โดยสาร 67 ชีวิตที่จ่ายเงินเป็นคนเลือก

 

2

สองข้างทางเป็นป่าเขา เงาของความมืดปกคลุม พระจันทร์หลบเข้าหลังม่านเมฆ  มีเพียงแสงไฟกระพริบและเสียงจากจอทีวีที่กำลังฉายหนังชื่อว่า เรื่องที่ 13 ผู้โดยสารฝั่งซ้าย-ขวานั่งประจำเบาะของตัวเอง จ้องดูมหรสพบนจอสี่เหลี่ยม หวังได้หย่อนใจ ก่อนถึงที่หมาย ผมนั่งเบาะหลังสุดหยิบขนมจากซองใส่ปาก นั่งดูหนังเรื่องเดิมเป็นครั้งที่สามในชีวิต มันเริ่มขึ้นแล้ว  

“คุณก็รู้ว่าฉันไม่ได้รักคุณ แต่คุณก็ยังใช้กำลังบังคับขืนใจฉัน คุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย ” นางเอกลูกชาวนากำลังตัดพ้อต่อว่าพระเอกหน้าเข้มผู้สูงศักดิ์ 

“ผมรักคุณ ผมขอโทษที่ต้องทำแบบนี้ ที่ผมทำแบบนี้เพราะผมรักคุณ ได้โปรดเชื่อใจผมเถอะ ผมสัญญาผมจะไม่ทำร้ายคุณอีก ผมจะดูแลคุณอย่างดี ผมจะทำตามสัญญา” บุรุษอกสามศอกหันมาเช็ดน้ำตาให้นางเอก อีกไม่นาน เขาจะทำทุกอย่างให้มันดีกว่านี้ ชีวิตของหญิงสาวจะดีขึ้นอย่างแน่นอน

 “พระเอกอะไรวะ ข่มขืนนางเอก หนังไทยนี่มันก็วนอยู่แต่เรื่องเดิม ๆ น่าเบื่อวะ เปลี่ยนตอนนี้ยังทันไหมพ่อหนุ่ม” ผู้โดยสารฝั่งซ้าย เริ่มงึมงำในลำคอ คงกลัวฝั่งขวาได้ยิน ไม่แน่ใจว่าฝั่งขวาได้ยินไหม แต่ผมได้ยินถนัดถนี่

“ดูกี่ครั้ง ๆ พระเอกก็ยังหล่อเข้มเหมือนเดิมเลยนะ นางเอกจะเล่นตัวไปไหน มีผู้ชายดี ๆ หล่อรวยขนาดนี้มาสนใจยังลีลาอีกนะ ไม่รู้จักของดีจริง ๆ เสียของหมด” ฝั่งขวาเริ่มออกเสียงเชียร์ดัง เหมือนอยากประกาศชัยชนะของการได้เลือกหนัง ให้ฝั่งซ้ายได้ยินมากกว่าจะปลื้มใจกับบทละคร

รถขับผ่านเขตป่าเขา เข้าเมืองมองเห็นแสงสียามราตรี สายฝนโปรยปรายหน้าร้อน พายุพัดโหมกระหน่ำ ลุงชาติชายต้องชะลอความเร็วของรถ ทันใดนั้นรถเบรกกะทันหัน รถกระบะวิ่งฝ่ามาอีกแยกอย่างเร็ว ตัดหน้ารถทัวร์ของเรา โชคดีที่ลุงชาติชายเป็นนักขับรถมืออาชีพ จึงประคองให้รดทรงตัวไปต่อได้

“เพี๊ยะ” ชายสูงศักดิ์โดนตบหน้าเข้าอย่างจัง 

 "ไหนว่าจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้ยังไงละพี่ สามปีแล้วนะ ดูชีวิตอิฉันสิ มีอะไรดีขึ้นมาบ้าง นาข้าวรึก็ไม่ให้อิฉันทำอ้างว่าน้ำไม่พอ ต้นกล้วยที่ปลูกไว้ก็ให้ตัดทิ้งบอกราคาไม่ดี แล้วจะให้อิฉันทำอะไร พออิฉันเถียง พี่ก็บอกให้ไปแบกไปขายบางอื่น นี่หรือวิธีแก้ปัญหาของคุณพี่ ดีแต่จะเสพสุขบนเรือนของอิฉัน ไม่คิดจะดูแลสารทุกข์สุขดิบบ้างหรือ หากคุณทำดังที่พูดไว้ไม่ได้ ก็คืนอิสรภาพให้อิฉันเถอะค่ะ" 

ผู้โดยสารจากเดิมที่นั่งสัปหงกหลายคนสะดุ้งจนเกือบตกเก้าอี้ตอนรถเบรก ตื่นมาทันเห็นฉากเด็ดในหนังเรื่องที่ 13 พอดี ในขณะที่ผมลุกขึ้นมาเตรียมอาหารเช้าให้ผู้โดยสาร และมิใยดีต่อฉากหนังที่ผมเคยดู 

“เป็นไงละ บอกแล้วว่าอย่าไปยอมมัน สุดท้ายมันก็ไม่จริงใจอยู่ดี คนที่ใช้อำนาจขืนใจคนอื่นนะ มันจะดีได้กี่น้ำ” ผู้โดยสารฝั่งซ้ายเริ่มบรรยายเบา ๆ เช่นเคย แต่ผมได้ยิน

“นางนี่ คิดแต่จะได้คิดแต่จะเอาท่าเดียว ไม่เคยพอเลย หวังแต่จะเกาะผัวกินอย่างเดียว ไม่รู้จักปรับตัว” เสียงบ่นดังลอยมาจากฝั่งขวาของที่นั่ง

ฉากเดิม ๆ ทั้งในจอและนอกจอ ถูกผมยำรวมเข้าไปกับอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว

 

3

เสียงพลุงานฉลองงานอะไรสักอย่างดังขึ้น วันนี้มันเป็นวันพิเศษอะไรหรือ 22 ของเดือนนี้ไม่น่าจะใช่วันสำคัญอะไรนี่นา ผมมองไปบนท้องฟ้าผ่านกระจกรถทัวร์ พลุลูกหนึ่งแตก พลุลูกหนึ่งดับ สลับกันไป คล้ายกับเรื่องที่ 13 นี้ ที่ฉายซ้ำไปซ้ำมา แสงพลุกระทบแว่นตา ผ่านม่านกระจกรถ สะท้อนให้เห็นเงาตัวเอง เสียงเอ็ดอึงจากทีวีกลายเป็นเสียงกล่อมผู้โดยสารสองฝากให้หลับใหล มีบ้างที่พวกเขามักจะตื่นมาเอะอะกับบางฉากบางตอนของหนัง

ผมมองไปที่หนังสีซีดในกล่อง จริง ๆ มันน่าจะได้ฉายบ้างนะ หนังพากย์ไทยจากอังกฤษเรื่องนี้ ลุงชาติชายเคยบอกว่า ลุงเองก็ไม่มีอำนาจในการฉาย เพราะเช่ารถเขาขับ เจ้าของรถก็หวังแต่กำไรจากการเดินรถบนเส้นทางสายนี้ ที่ได้สัมปทานการเดินรถมานานหลายชั่วอายุคน ใครเดินทับเส้นเป็นโดนจับโดนฟ้อง ว่ากันว่าแกใหญ่สุดในเส้นทางเดินรถนี้ คนขับรถคนไหนแข็งขึงกับแกเป็นอันไม่รอดสักราย ลุงเคยบอกว่าถ้าอยากอยู่รอดปลอดภัยบนถนนสายนี้ยังไงก็ต้องเกรงใจเจ้าของรถเขาหน่อย  ว่ากันว่าหนังเรื่องที่ 13 ที่ผลิตซ้ำไปซ้ำมาก็เป็นของชอบของเจ้าของรถทัวร์ แกชอบเปรียบตัวแกเองเป็นตัวเอกของเรื่องให้ลุงชาติชายฟังบ่อย ๆ เมื่อก่อนผมไม่เข้าใจที่ลุงแกพูด แต่พอได้เห็นตอนจบของหนังเท่านั้นแหละ ผมก็เริ่มเข้าใจ

 

4

หลังจากชายผู้สูงศักดิ์ต้องนอนจมกองเลือดคาอ้อมกอดของหญิงสาว เพราะชู้รักของหล่อนเอามีดปักเข้ากลางหลังอย่างจังอย่างไม่ทันตั้งตัว 

“ไปตายซะเถอะ คนบ้าอำนาจอย่างแก” หญิงสาวตะคอกใส่  นี่คือการประกาศชัยชนะของผู้ถูกกดขี่มาสามปีอย่างนั้นหรือ เปล่าเลย

 “ปังงง...ปังงง...” เสียงปืนดังขึ้นสองนัด สองร่างร่วงลง นอนกองกับพื้น หนึ่งร่างลุกขึ้นยืน

“อย่าคิดว่า แค่มีดเล่มเดียวจะทำอะไรกูได้” อาวุธของผู้ไร้อำนาจ ไม่เคยฆ่าพวกเขาให้ตายได้จริง ๆ ชายสูงศักดิ์พยุงตัวเองลุกขึ้นมาจากกองเลือด เสียงเพลงดังขึ้น ตัวหนังสือวิ่งผ่านหน้าจอสีดำ หนังเรื่องที่ 13 จบแล้ว

ผมลุกขึ้นไปปิดทีวี เก็บผ้าห่ม ของผู้โดยสารที่หลับใหล ไม่ทันได้เห็นฉากสำคัญของหนัง

แสงอาทิตย์ของวันใหม่ สว่างจ้าบนฟ้า พร้อมๆ กับที่รถทัวร์ถึงที่หมาย ผู้โดยสารทยอยลงจากรถ

“หนังน่าเบื่อมาก ผมหลับตั้งแต่ครึ่งเรื่อง ตอนพระเอกโดนตบหน้า” ผู้โดยสารคนหนึ่งจากฝั่งซ้าย พูดขึ้นเบา ๆ

"หนังโรแมนติกมาก พระเอกทำทุกอย่างเพื่อให้นางเอกเชื่อใจในความรัก คำมั่นสัญญาของเขาไม่เคยหายไปไหน พวกเขาแต่งงานครองรักกันอย่างมีความสุข ในคฤหาสน์สีขาว เสียดายที่เธอไม่ทันได้เห็นฉากที่พระเอกจุมพิตนางเอกตอนจบ" ผู้โดยสารชายท่านหนึ่งสวมชุดคล้าย ๆ กับพระเอกในเรื่องจากฝั่งขวา หันไปเฉลยตอนจบของหนังให้กับหญิงสาวที่นั่งข้าง ๆ เขา   

ผมอดยิ้มให้กับตอนจบสองอย่างในเรื่องเดียวกันไม่ได้ ผมเดินมาที่เครื่องวีดีโอ ดึงแผ่นหนังออกจากเครื่องยัดใส่ซองเช่นเดิมก่อนจะเก็บเข้ากล่อง ผมเหลือบไปเห็นหนังปกสีซีด จึงหยิบมันขึ้นมาเปิดซองดึงแผ่นซีดีออกมา เหลียวหน้าแลหลังกำลังจะยื่นลงไปในเครื่องเล่น   

“ไม่ได้นะไอ้ทิว มึงมันไม่มีสิทธิ์เลือก” เสียงของลุงชาติชายดังมาจากหน้ารถ ผมเองก็อดยิ้มไม่ได้กับความอาภัพของตัวเอง จึงหยิบแผ่นซีดีกลับเข้าซองปกสีซีดไป หน้าปกเขียนชื่อเรื่องไว้ว่า “เรื่องที่รอคอย” ฯ  

..........................

 

ที่มาภาพประกอบหน้าแรก: ed_davad (CC0 Public Domain)

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: