ปฏิบัติการคืนความสุขให้ชาวบ้านรอบเหมืองทองเลย: ข้อควรระวังในการใช้อำนาจ

กลุ่มสังคมนิยมธรรมชาติ 1 ส.ค. 2557


ภายหลังการประกาศรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา การออกมาแสดงตัวของผู้ที่ไม่เห็นด้วยลดน้องลงอย่างชัดเจน อาจจะด้วยหลายเหตุผล ทั้งที่เห็นว่าเหตุการณ์เริ่มดีขึ้น สังคมสงบสุข บ้างอาจกำลังเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ จนกระทั่งบางกลุ่มที่กำลังติดตามรอเวลาที่การดำเนินนโยบายต่างๆ ของ คสช. จะพลาดพลั้ง และยิ่งเมื่อสวนดุสิตโพล ได้ออกมาเปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,689 คน เรื่องผลการดำเนินงานในช่วง  2 เดือนที่ผ่านมาของ คสช. โดยภาพรวมให้คะแนน 8.87 จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน ช่วยยืนยันว่าทิศทางการทำงานในภาพรวมของ คสช. ที่ผ่านมานั้นประชาชนพึงพอใจ ดูคล้ายกับว่ากระแสความคิดเห็นที่แตกต่างได้ลดลงไปแล้ว ความสุขกำลังเกิดขึ้นในสังคมไทยอย่างแท้จริง และหลังจากนี้ความขัดแย้งในสังคมจะไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป

เมื่อหันกลับมามองสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากนโยบายการจัดการทรัพยากรของประเทศ ด้วยรูปธรรมของพื้นที่เหมืองทองคำจังหวัดเลย ภายหลังเหตุความรุนแรงจากการปะทะกันในพื้นที่ระหว่างชาวบ้านรอบเหมืองทองคำกับกลุ่มคนที่เข้ามาทำร้ายชาวบ้านเพื่ออำนวยให้การขนแร่ของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด เป็นไปอย่างสะดวกในช่วงกลางดึกวันที่ 15 พฤษภาคม 2557 ต่อเนื่องจนถึงมีการข่มขู่แกนนำหลังจากเหตุการณ์อีกหลายครั้ง โดยภายหลังการประกาศกฎอัยการศึก ชาวบ้านได้ยื่นจดหมายถึง คสช. เพื่อขอให้ช่วยดูแลความปลอดภัยและติดตามเอาผิดกลุ่มคนที่เข้ามาทำร้ายชาวบ้าน ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานกำลังทหารกว่าร้อยนายจากหน่วยต่างๆ และหน่วยเฉพาะกิจเขาหลวงถูกส่งเข้าไปในพื้นที่ ช่วยให้ชาวบ้านรู้สึกอุ่นใจขึ้นบ้างว่าการข่มขู่คุกคามจะลดลง และเชื่อว่าการทำงานเพื่อติดตามเอาผิดกลุ่มคนร้ายและผู้บงการจะมีความคืบหน้าและสามารถนำตัวมารับโทษได้

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในทางปฏิบัติกลับพบว่า ทหารที่เข้ามาในพื้นที่อธิบายว่าจะเป็นคนกลางในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านในชุมชนกับบริษัท ทุ่งคำ จำกัด เพื่อนำความสุขคืนสู่ชุมชน มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาจำนวน 4 ชุด ซึ่งได้ดำเนินการจัดเวทีประชาคมเพื่อหาทางออกกรณีเหมืองทองคำไปเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2557 และเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2557 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม พบว่าชาวบ้านในพื้นที่ได้ทำหนังสือคัดค้านการแต่งตั้งและให้ยกเลิกคณะกรรมการทั้ง 4 ชุด โดยอ้างถึงที่มาและสถานะของคณะกรรมการทั้ง  4 ชุดว่า ไม่มีความชัดเจนและส่วนใหญ่เป็นข้าราชการในพื้นที่ ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งของชาวบ้านอยู่ก่อนแล้ว ทั้งยังไม่มีชาวบ้านอยู่ในคณะกรรมการทั้ง 4 ชุด จึงเห็นได้ชัดเจนว่า กระบวนการแก้ปัญหาของทหาร ไม่ให้ชาวบ้านในชุมชนได้เข้ามีส่วนร่วมในการตัดสินใจหาทางออกอย่างแท้จริง

จากการติดตามข่าวสารในกรณีความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านรอบเหมืองทองคำจังหวัดเลยกับบริษัท ทุ่งคำ จำกัด พบว่าการแก้ไขปัญหาของทหารโดยอ้างกฎอัยการศึก ห้ามชาวบ้านประชุมพูดคุยปรึกษาหารือ ห้ามไม่ให้จัดกิจกรรมรณรงค์ในหมู่บ้าน และลดทอนการมีส่วนร่วมของชาวบ้านในทุกระดับนั้น ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างชาวบ้านและทหารในพื้นที่ไม่ดีนัก มีการทำหนังสือเรียกชาวบ้านเข้าพูดคุยเพื่อปรับทัศนคติเป็นรายบุคคล ติดตามการทำงานของนักศึกษาที่เข้าพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลใช้เป็นหลักฐานในการขึ้นศาลให้กับชาวบ้านกรณีถูกฟ้องร้องจากบริษัท ทุ่งคำ จำกัด อย่างใกล้ชิด อีกทั้งการเข้าออกหมู่บ้านของบุคคลหรือกลุ่มองค์กรต้องมีการรายงานตัวกับทหารอย่างเข้มงวด ล่าสุด มีการยึดบัตรประชาชนของนักศึกษาที่เข้าเก็บข้อมูลในพื้นที่และคืนให้เมื่อออกจากพื้นที่ โดยอ้างว่าเป็นคำสั่งที่ได้รับมา ทำให้ชาวบ้านเริ่มตั้งคำถามกับวิธีการทำงานเพื่อสร้างความปรองดองในพื้นที่ของทหาร

จากเดิมที่ชาวบ้านคาดหวังว่าการเข้ามาของทหารจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งในพื้นที่ แต่รูปธรรมที่เกิดขึ้นดังที่กล่าวมา ประกอบกับความไม่คืบหน้าในการหาตัวผู้กระทำผิดในคืนวันที่ 15พฤษภาคม 2557 มาลงโทษ ทั้งที่เป็นประเด็นหลักซึ่งชาวบ้านเรียกร้องจากทหารในฐานะผู้ดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองตั้งแต่ต้น นอกจากจะไม่ช่วยแก้ไขปัญหา กลับค่อยๆ สร้างความขัดแย้งระหว่างทหารกับชาวบ้านในชุมชน ด้วยวิธีสร้างความปรองดองสมานฉันท์ผ่านการบังคับให้เห็นด้วย บังคับให้ร่วมมือ พูดคุยและกดดันทางจิตวิทยารายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม และการใช้อำนาจตามกฏอัยการศึก

ปฏิบัติการคืนความสุขด้วยวิธีห้ามพูด ห้ามประชุม ห้ามคิด ห้ามแสดงความคิดเห็น โดยอำนาจซึ่งไม่สามารถโต้แย้งตรวจสอบได้ จะนำความสุขคืนสู่ชุมชนได้จริงหรือ ในเมื่อต้นตอของปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข ผู้กระทำผิดกรณีทำร้ายชาวบ้านยังลอยนวล คะแนนนิยมจากสาธารณะอาจไม่ใช่ตัวชี้วัดผลการทำงานของ คสช. ได้อย่างแท้จริง เพราะการจัดการปัญหาในพื้นที่ความขัดแย้งจะค่อยๆ เผยให้เห็นความจริงใจและเอาจริงเอาจังในการทำงานของ คสช. อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ การใช้กำลังทหารในการคลี่คลายความขัดแย้งในพื้นที่ควรต้องระมัดระวังและใช้อย่างมีศิลปะ หากลุแก่อำนาจ ใช้มันอย่างลืมตัว อำนาจก็นำมาสู่ความหายนะได้เช่นกัน

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์

www.facebook.com/tcijthai

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: